ฉากบาปฮุนฮาน ภาค 3.3
**ลู่หานเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม เรื่องต่อจากพาร์ท Winter trip***
**ลู่หานเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม เรื่องต่อจากพาร์ท Winter trip***
ในวันศุกร์สุดสัปดาห์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเรียนและเป็นวันที่ลู่หานไม่ค่อยจะมีสติกับเรื่องเรียนสักเท่าไหร่นัก
เหตุเพราะว่าวันนี้ทั้งวันสุขภาพร่างกายของเธอไม่สู้ดีเลย
เมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาต้องโหมร่างกายปั่นงานให้เสร็จ ทั้งยังอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
เอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้ เมื่อเช้านี้ไข้ก็เลยขึ้นสูงแต่เพราะความไม่อยากขาดเรียน
ลู่หานเลยจำทนต้องฝืนร่างกายตัวเองมาโรงเรียนเข้าจนได้
“ไหวนะลู่หาน
ไม่ไหวก็กลับบ้านซะ บ่ายนี้เป็นวิชาพละด้วยถ้าขืนไปเจอแดดอีกมีหวังฉันได้หามเธอส่งโรง’บาลแน่”
ซึลกิเพื่อนสนิทคนสวยของลู่หานเดินประคองร่างของเพื่อนตัวเล็กไปยังห้องพยาบาลของโรงเรียนหลังจากที่ตั้งแต่ช่วงเช้าเธอสังเกตเห็นสีหน้าของเพื่อนไม่สู้ดีนัก
ร่างกายก็ยิ่งบอบบางอยู่ ตัวก็ร้อนจี๋ราวกับหม้อน้ำร้อน เลยร้อนใจให้ซึลกิต้องคะยั้นคะยอลากมาหาคุณครูประจำห้องพยาบาลจนได้
“อะนี่
ยาลดไข้กินซะอีกสามชั่วโมงก็เลิกเรียนแล้ว อดทนหน่อย” ตามประสาคุณครูประจำห้องพยาบาลของโรงเรียนนี้ที่เริ่มชราภาพไปตามกาลและเวลา
นิสัยที่จู้จี้จุกจิกเป็นว่าเล่นทั้งยังดูแลนักเรียนแบบส่งๆ เหมือนทำหน้าที่แค่เฝ้าห้องไปวันๆ
แต่เด็กจะเป็นจะตายยังไงก็แล้วแต่
ผลสุดท้ายเดี๋ยวกลับบ้านไปผู้ปกครองเขาก็พาไปหาหมอเองอยู่ดี
“ขอบคุณค่ะ…” ลู่หานเอ่ยขอบคุณคุณครูพร้อมกับรับยานั้นมาใส่ปาก
ส่วนซึลกิก็ไม่รอช้ารีบรินน้ำที่วางอยู่ข้างเตียงใส่แก้วเพื่อที่จะส่งต่อแก้วน้ำไปยังลู่หานเพื่อกินยา
“แก กลับเหอะ
ไข้สูงขนาดนี้เดี๋ยวก็ช็อคหรอก
จริงๆป่วยขนาดนี้นี่ไม่ควรมาโรงเรียนแล้วนะเป็นฉันนะ นอนอยู่บ้านไปแล่ว”
“เอาน่า
ฉันอยู่บ้านตอนนี้ก็เหงาอยู่ดี
พี่สาวกับพี่เขยเขาก็ไปหาญาติที่ต่างจังหวัดตั้งหลายวัน” พี่อี้ชิงกับพี่คริสเพิ่งจะขับรถไปต่างจังหวัดเมื่อเช้านี้นี่เอง
ลู่หานก็เลยจำใจต้องอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว จริงๆเธอเองก็อยู่ได้แหละ
แต่ช่วงนี้ก็อาจจะยากหน่อยเพราะว่าเธอป่วย ไม่มีใครหายาให้กิน
ไม่มีใครคอยเช็ดตัวให้
คิดแล้วเย็นนี้เห็นทีเธอก็คงต้องถ่อสังขารตัวเองออกไปหาหมอเพียงลำพังซะแล้วสิ
“แล้วนี่จะอยู่ยังไงอะ
กลับบ้านไปเธอก็อยู่คนเดียวอีก ให้ฉันไปนอนเป็นเพื่อนไหม” ซึลกิอาสาขอไปนอนเป็นเพื่อนลู่หานเหตุผลหลักคือเป็นห่วงเพื่อน
ส่วนอีกเหตุผลนึงคือถ้าไปบ้านลู่หานก็จะมีเตียงใหญ่ๆให้นอน มีของกินกินเยอะๆ นั่นแหละคือความสบายที่ซึลกิโหยหามานานแสนนาน
“ลู่หาน
ตอนนี้หน้าเธอซีดมากเลยรู้ตัวบ้างไหม”
หลังจากที่เพื่อนสาวคนสวยจ้องมองใบหน้าของลู่หานด้วยความสงสารเพียงไม่นานเธอก็ยื่นหลังมือไปอังหน้าผากของคนบนเตียงเพื่อที่จะดูว่าอีกคนตัวร้อนมากแค่ไหน
แต่ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่หลังมือของซึลกิสัมผัสกับหน้าผากของเพื่อน
ความร้อนจากภายในร่างกายของลู่หานทำให้ซึลกิต้องรีบชักมือออกแล้วแสดงสีหน้าที่ดูตกใจขึ้นมาทันตาเห็น
“ตัวแกร้อนมากกกกก
ไม่ได้แล้วฉันต้องไปบอกครูก่อน ฮือ ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลยนะ—“ ทำท่าจะลุกเดินไปบอกคุณครู
แต่มืออุ่นๆของลู่หานกลับรั้งข้อมือของเพื่อนสาวเอาไว้ซะก่อน
“ใครจะพาฉันไปหาหมอ...ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนะ”
น้ำเสียงเนือยๆเหมือนจะหมดแรงของลู่หานยิ่งทำให้ซึลกิยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก
แค่นี้ก็เกรงใจเพื่อนมากพอแล้วแทนที่จะได้ไปเรียนแต่กลับต้องมานั่งเฝ้าเพื่อนที่ป่วยอยู่แบบนี้
“ญาติแกอะ? เพื่อนบ้านหรือว่าใครก็ได้ที่พาแกไปหาหมอได้”
“...ฉันไม่มี” ลู่หานนึกหน้าใครไม่ออกแล้วตอนนี้
ข้างในร่างกายของเธอมันร้อนวูบวาบไปหมด
หัวก็ตื้อจนยากที่จะคิดถึงคนที่จะช่วยพาเธอออกไปหาหมอได้ในตอนนี้
ก็คงจะมีก็แต่ครูในโรงเรียนนี้นี่แหละ แต่บอกไปเดี๋ยวก็จะหาว่าหาเรื่องกลับบ้านอีก
“แฟนแกก็ไม่มี
งั้น...คนนั้นที่แกคุยแชทอะ คนนั้นใคร?”
“หือ” จากตอนแรกก็ตั้งใจจะข่มตานอนแล้ว
แต่พอซึลกิเปิดประเด็นเรื่องผู้ชายในแชทขึ้นมา เปลือกตาสีอ่อนของลู่หานก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉ...ฉันไม่อยากรบกวนพี่เขา”
เพราะรู้ดีแก่ใจว่า ‘พี่ที่คุยแชท’ กับลู่หานทุกวันนี้ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น
หลังจากเรื่องราวเหล่านั้นผ่านมาได้สามเดือนกว่าแล้ว
...หลายต่อหลายครั้งที่พี่เขาชอบมากินข้าวที่บ้าน ลู่หานมักจะได้เจอหน้าอยู่บ่อยครั้ง
แต่ก็ไม่ได้อะไรต่อกัน ก็แค่เจอหน้า ทักทายแล้วก็กลับตามประสาพี่น้อง
คือต่อให้เราคุยกันแทบทุกคืน
แต่ก็ใช่ว่าลู่หานจะรบกวนเวลาของพี่เขาได้ตลอดเวลานี่นา พี่เขาก็มีงานทำ
จะให้มาดูแลเด็กมัธยมปลายแบบเราน่ะเหรอ เขาไม่สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ
พี่ชายลู่หานเหรอคะ?—“
“ซึลกิ!” ร่างเล็กที่ตอนแรกก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยบนเตียงอยู่ดีๆ
ก็ไม่ทันสังเกตเห็นว่าซึลกิแอบฉกโทรศัพท์มือถือของลู่หานไปกดเปิดดูแล้วเสียมารยาทกดคอลไลน์กับผู้ชายในแชทคนนั้นเข้าจนได้
เธอน่ะไม่รู้หรอกว่าพี่เขาเป็นใคร
รู้แค่ว่าลู่หานคุยแชทกับพี่คนนี้ตลอด ก็เลยคิดว่าคงน่าจะสนิทอยู่พอตัว
แต่ขืนรอให้ลู่หานโทรหาน่ะเหรอ คงได้ตายก่อนที่จะไปหาหมอกันพอดี
“หยุด! ฉันคุยเอง
ถ้าเธอไม่ให้ฉันโทร ฉันจะฟ้องพี่อี้ว่าแกแอบคุยกับผู้ชาย”
“อย่าฟ้องพี่อี้นะ—“ สุดท้ายลู่หานก็ยอมแพ้
เมื่อซึลกิย้ายตัวเองเดินออกห่างจากเตียงของเพื่อนสาว
ทำสีหน้าเย้ยหยันในทำนองว่าอย่าลุกขึ้นมาแย่งโทรศัพท์เชียวนะ
ไม่อย่างนั้นเรื่องที่ลู่หานคุยกับผู้ชาย เธอจะโทรไปฟ้องพี่อี้แน่นอน
“พี่คะ ยังถือสายอยู่ไหม”
[ครับ พูดอยู่...]
เสียงทุ้มลึกจากปลายสายแทบทำให้เด็กสาวที่เป็นเพื่อนเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้แทบกรีดร้อง
ราวกับจะหลอมละลายลงไปบนพื้นห้องพยาบาลนี่อยู่แล้ว
ถ้าไม่ติดกับว่าเป็นคนที่ลู่หานคุยอยู่นะ
เธอคงตกหลุมรักพี่เขาเพียงแค่เสียงคุยไปแล้วแน่ๆ
“พี่เป็นอะไรกับลู่หานเหรอคะ
แฟนปะคะ?”
“ซึลกิ เอาคืนมานะฉันปวดหัว
ฉันไม่อยากเล่นกับเธอแล้ว” ลู่หานส่งเสียงอแงดังมาจากเตียงนอนที่ห่างจากตัวร่างบางเพียงไม่กี่เมตร
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ลู่หานจะรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อแย่งโทรศัพท์จากซึลกิคืนกลับไปได้ในตอนนี้
[น้องมีอะไรรึเปล่าครับ
แล้วนี่ลู่หานอยู่ไหน พี่เหมือนได้ยินเสียงอยู่]
“คืองี้ค่ะพี่
ลู่หานป่วยหนักมากกกกก แบบกินยาแล้วก็ไม่หายสักที เนี่ยต้องพาไปโรง’บาล—“
[น้องลู่หานน่ะเหรอ? นี่โทรมาจากโรงเรียนใช่ไหมครับ] เพราะความเป็นห่วงของเซฮุนที่เมื่อได้ยินว่าลู่หานป่วย
ไม่ต้องรอให้ซึลกิเล่าอาการมากไปกว่านี้
เพราะเพียงแค่บอกว่าป่วยเขาก็พร้อมที่จะขับรถไปหาได้ตอนนี้เลย
ดูก็รู้ว่าพี่ชายคนนี้ต้องไม่ใช่แค่พี่ชายสำหรับลู่หานอย่างแน่นอน
“ค่ะพี่ อยู่ห้องพยาบาล”
[งั้นพี่ฝากดูแลน้องด้วยนะ
พี่จะไปรับ]
“ค่ะ พี่อ่า พี่คะ อ...อ้าว”
ยังไม่ทันถามเลยว่าชื่ออะไร
เพราะความร้อนใจของเซฮุนทำให้ชายหนุ่มรีบตัดสายทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพราะคนคุยไม่ใช่ลู่หาน
เขาจะตัดสายยังไงก็ได้
สุดท้ายแล้วสารจากซึลกิก็ถูกส่งไปถึงผู้ชายในความลับของลู่หานเข้าจนได้
และเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น Maserati Ghibli S คันสีขาวก็ขับเข้ามาจอดอยู่ตรงรั้วหน้าโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อย
ก่อนที่ร่างพี่ชายคนสนิทของลู่หานที่เร่งรีบออกมาจากร้านกาแฟของตัวเองด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ
บนใบหน้ามีแว่นตาสีดำยี่ห้อดังสวมใส่อยู่
แค่เพียงออร่าของพี่ชายคนนี้ที่กำลังก้าวเท้าเดินขึ้นมาบนตึก
ต่างก็ทำให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนที่เป็นหญิงล้วน ต่างมองเหลียวหลังกันแทบทุกคน
ส่วนร่างสูงเองก็ไม่ได้นึกแปลกใจอะไรเพราะเป้าหมายของเขาในตอนนี้คือห้องพยาบาลที่ตอนนี้มีครูประจำชั้นเข้ามาดูอาการอีกรายนึงแล้ว
“ขอโทษนะครับ ผมมารับน้อง...”
ร่างสูงเดินเข้ามาภายในห้องพยาบาล
ปลายนิ้วชี้เกี่ยวแว่นตาถอดออกมาแล้วเหน็บมันเอาไว้ตรงคอเสื้อยืดของเขา
พร้อมกับมองหาร่างของน้องลู่หานไปด้วย
“พี่ชายของลู่หานเหรอคะ?”
เป็นคุณครูประจำชั้นที่ยืนรออยู่เงยหน้าขึ้นมาถามร่างสูงตาเป็นประกาย
แม้แต่ครูบาอาจารย์ยังเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่เลย
“ลู่หานเขาบอกแบบนั้นเหรอครับ”
แอบติดใจอยู่นิดหน่อยว่าลู่หานไปบอกครูว่าอะไรเรื่องสถานะระหว่างเรา
แต่ก็ไม่อยากเรื่องมาก
อีกใจนึงเขาก็รู้ดีว่าสถานะระหว่างเรายังไม่พร้อมเปิดเผยได้ในตอนนี้
“ค่ะ
เขาบอกว่าเพื่อนโทรตามพี่ชายให้แล้ว
นี่ก็เพิ่งกลับไปเก็บกระเป๋าที่ห้องเรียนอีกเดี๋ยวก็คงจะมาแล้ว
งั้นคุณช่วยเซ็นตรงนี้หน่อยค่ะ จะได้รู้ว่าลู่หานขอกลับบ้านก่อนเวลา” ใบลาครึ่งวันถูกยื่นมาตรงหน้าของเซฮุน
“ครับ” เซฮุนก็แสร้งทำเนียนหยิบปากกามาจากมือคุณครูแล้วตวัดเซ็นลายเซ็นตัวเองลงไปในใบนั้น
ในช่องของ ‘ผู้ปกครอง’ ซึ่งในความจริงเซฮุนไม่ใช่ผู้ปกครองของลู่หานเลยด้วยซ้ำ
แต่ในบางคราจะเรียกว่าผู้ปกครองก็พอจะได้ เพราะลู่หานก็ถือว่าอยู่ในความดูแลของเขาเหมือนกัน
“พี่เซฮุน...” เสียงแหบพร่าจากทางด้านหลัง ทำให้เซฮุนต้องหันหน้ากลับไปมอง
ก่อนที่จะพบว่าน้องสาวคนสวยของเขากำลังยืนสะพายเป้อยู่ตรงด้านหลังนี่เอง
“ผมพาน้องกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ”
หันมาถามย้ำกับคุณครูเพื่อความแน่ใจ
“ได้แล้วค่ะ หายไวๆนะลู่หาน”
“ค่ะ คุณครู” เด็กสาวโค้งให้กับคุณครูก่อนที่เธอจะถูกมือขนาดใหญ่ของพี่เซฮุนรวบขึ้นมาจับเอาไว้แล้วออกแรงจูงให้เธอเดินออกจากห้องพยาบาลนี้ไป
ระหว่างทางที่เดินลงบันไดเธอก็สวนทางกับเพื่อนร่วมรุ่นหลายต่อหลายคน
ซึ่งในหลายคนนั้นย่อมรู้ดีว่าพี่คนนี้ไม่ใช่พี่ชายของเธอ
เพราะว่าลู่หานมีแต่พี่สาวและมีแค่พี่สาวของเธอเท่านั้นที่มักจะมารับลู่หานกลับบ้านทุกครั้งที่เธอป่วย..
ไม่ใช่พี่คนนี้
“เรารบกวนพี่หรือเปล่า
พี่ต้องทำงานไม่ใช่เหรอคะ” ระหว่างทางที่กำลังเดินออกมาที่รถ
ลู่หานก็เงยหน้าขึ้นไปถามพี่ชายตัวสูงของเธอที่กำลังเดินนำหน้าเธออยู่เพียงแค่ก้าวเดียว
โดยที่มือก็ยังจับกันเอาไว้
ดูน่ารัก
เหมือนพี่ชายกับน้องสาวตัวเล็กๆ
ซึ่งหารู้ไม่ว่าเราสองคนไม่ได้เป็นแค่พี่น้องกันมานานแล้ว
“ระหว่างงานกับเธอ
พี่เลือกเธออยู่แล้ว” เซฮุนไม่ได้สนใจกับความหมายในประโยคที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไปสักเท่าไหร่นัก
เพียงแค่ได้รู้ข่าวว่าน้องป่วย
เซฮุนก็ไม่รอช้ารีบวางงานทุกอย่างลงแล้วขับรถมารับอีกคนทันทีด้วยความเป็นห่วง
ขอแค่บอก
ต่อให้ยุ่งแค่ไหนเขาก็จะมา
“เรารบกวนพี่แย่เลย
เอาไปส่งที่โรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวเรากลับเองก็ได้” ลู่หานเกรงใจเซฮุนอย่างบอกไม่ถูก
ไม่อยากให้พี่ต้องมาเสียเวลากับเด็กอ่อนแอแบบเราเลย
เซฮุนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เขาทำเพียงแค่เดินไปเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับเพื่อที่จะดันร่างน้องลู่หานในชุดนักเรียนมอปลายเข้าไปนั่งในรถซะ
หลังจากนั้นเขาจึงเดินอ้อมมานั่งฝั่งคนขับแล้วรีบออกรถไปในทันที
เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเพื่อพาน้องไปหาหมอต่อ
“เมื่อกี้บอกครูว่าพี่เป็นอะไรกับเรานะ?”
เมื่อ Maserati ถูกขับไปบนท้องถนนได้สักพักเซฮุนก็เริ่มเปิดประเด็นถามสิ่งที่ตนเองกำลังค้างคาใจอยู่ขึ้นมา
“พะ...พี่ชาย” ตอบเสียงอ้อมแอ้มกลับไป
พร้อมกับปลายคางที่กดลงมาจนแทบจะชิดกับหน้าอกของตนเองอยู่แล้ว
“จะต้องให้พี่ย้ำอีกกี่ครั้ง
ว่าพี่ไม่ได้เป็นแค่พี่ชายเราน่ะ ลู่หาน”
เซฮุนทั้งจริงจังและซีเรียสกับเรื่องนี้มาก
มือข้างที่ว่างอยู่ยื่นออกไปวางไว้บนตักของลู่หาน
ที่ตอนนี้ท่อนล่างของเธอเป็นเพียงกระโปรงลายสก็อตตัวสั้นที่สวมใส่อยู่
ความยาวของมันสามารถปกปิดเนื้อหนังมังสาของร่างบางได้เพียงแค่ครึ่งต้นขาเพียงเท่านั้น
“เอ่อ...”
“เดี๋ยวแวะหาหมอก่อนแล้วกัน
ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้แล้วก็ไม่โทรมาบอกพี่เลย” เซฮุนเพียงแค่ลูบที่ต้นขาของน้องเท่านี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าตอนนี้ลู่หานไข้ขึ้นสูงมากแค่ไหน
ก็ได้แต่หวังไว้อย่างเดียวว่าน้องคงไม่ต้องถึงขั้นนอนโรงพยาบาลหรอกนะ
“ค...ค่ะ” ยอมจำนนแต่โดยดี เพราะตอนนี้ร่างกายตัวเองก็เริ่มโรยราลงทุกที
อยากจะเถียงว่าไม่ต้องก็ได้ เพราะเธอกลัวการหาหมอ กลัวทุกอย่าง
แต่ถ้าฝืนตัวเองมากไปกว่านี้ อีกไม่นานก็คงจะตายเพราะพิษไข้เนี่ยแหละ
เซฮุนขับรถมุ่งหน้ามายังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
จัดการพาลู่หานน้องสาวของพี่สะใภ้มาหาหมอในที่สุด โชคดีที่พอคุณหมอตรวจเสร็จแล้ว
ลู่หานไม่โดนนอนโรงพยาบาลถือว่าค่อยยังชั่วหน่อยเพราะอีกใจหนึ่งลึกๆเซฮุนก็พอรู้อยู่ว่าช่วงนี้พี่อี้ชิงกับพี่คริสแกไม่อยู่บ้าน
ลู่หานก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว
แล้วช่วงเวลานี้นี่แหละที่เซฮุนจะหาโอกาสใช้เวลาอยู่กับน้องสองต่อสองบ้าง
ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกในรอบสามเดือนตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นตอนไปทริปหน้าหนาวกันเลยก็ว่าได้
“ไง โดดหมอฉีดก้นเลย” หลังจากที่รับยาเสร็จเรียบร้อย เซฮุนก็เดินประคองร่างของน้องกลับมาที่รถ
ลู่หานยังอยู่ในชุดนักเรียนมอปลายใครมองมาก็เข้าใจว่าเซฮุนเป็นพี่ชายทั้งนั้น
ไม่เว้นแม้แต่หมอ
“พี่เลิกแซวเราสักทีได้ไหมอ่า...”
ลู่หานมุ่ยหน้า พร้อมกับแหวกถุงยาที่อยู่บนตักของตัวเองออกดู
ส่วนเซฮุนที่เมื่อนั่งประจำที่คนขับเรียบร้อยแล้ว
สถานที่ต่อไปที่จะพาไปเขายังไม่ได้บอกลู่หานเลยว่าจะพาไปที่ไหน
“ก็มันจริงนี่
ปล่อยให้ป่วยหนักๆ ถ้าหมอไม่ฉีดยาแล้วจะหายไหม”
“พี่คะ
ค่ายาเดี๋ยวเราไปขอพี่อี้มาคืนให้นะ—“
“ไม่ต้องหรอก
เราก็เหมือนน้องสาวพี่คนนึงตอนนี้พี่เป็นผู้ปกครองเราแล้ว
ค่ายาแค่นั้นน่ะช่างมันเถอะ” เซฮุนไม่ได้จะทำตัวป๋านักหรอก
แต่แค่ค่ายาที่เสียไป กับการที่เขาได้ลู่หานมาดูแลนี่ก็ถือว่าคุ้มอยู่เหมือนกันนะ
เผลอๆ อีกไม่นานเขาอาจจะเสียค่าประกันตัวเองออกมาจากคุกก็เพราะลู่หาน
...มูลค่าเงินประกันยังมากกว่าค่ายานี่เลย
อันนี้ก็แค่คิดนะ...
“พี่ฮุนไปส่งที่บ้าน—“
“พี่อี้ชิงกับพี่คริสไม่อยู่
คืนนี้ไปนอนห้องพี่ก่อนไหม”
“เอ่อ...” ใบหน้าที่ตอนแรกมันร้อนเพราะอาการป่วยของตัวเองอยู่ดีๆ
ทันทีที่พี่ชายที่กำลังขับรถอยู่เอ่ยชวนให้ไปนอนที่ห้องเท่านั้นแหละ
เหมือนตัวลู่หานมันกำลังระเบิดยังไงก็ไม่รู้ เรื่องเมื่อคืนนั้นฉายเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง
ยอมรับเลยว่าลึกๆเธอก็แอบคิดว่าพี่เซฮุนจะมีความนัยอะไรหรือเปล่าที่ชวนไปนอนห้องในคืนนี้
“ไม่ได้เป็นวันนั้นของเดือนใช่ไหมล่ะ”
“พี่ฮุน!” ลู่หานถึงกับตกใจรีบยกมือขึ้นฟาดต้นแขนพี่เซฮุนที่กำลังขับรถอยู่อย่างลืมตัว
ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ความหมายนั้น ลู่หานรู้ดี แถมยังหัวไวกับเรื่องแบบนี้มากๆด้วย
“ฮ่ะๆ ล้อเล่น
ก็ไปนอนเล่นห้องพี่ก่อนเวลาป่วยพี่จะได้ดูแล ดึกๆไข้ขึ้นพี่ก็จะเช็ดตัวให้”
“เชื่อพี่ได้ไหมอะ” ทำหน้างอนๆ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องของเซฮุน
ถึงลู่หานจะไม่ตกลงแต่เซฮุนก็คงจะพาไปนอนที่ห้องด้วยอยู่แล้ว
“ฮ่ะๆ” คนที่ฟังก็เอาแต่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
มือขนาดใหญ่ยกขึ้นไปวางบนกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนของหญิงสาวก่อนที่ผมที่เคยเรียบกลับยุ่งเหยิงเพราะแรงขยี้จากมือพี่เซฮุนที่แกล้งน้องอยู่ตลอดเวลา
ไม่รู้ทำไม
เพียงแค่การกระทำเล็กๆน้อยๆแบบนี้กลับทำให้เธอหวั่นไหวได้ง่ายๆ
หรือเพราะว่าเธอตกหลุมรักพี่เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปแล้วสินะ...
จากโรงพยาบาลก่อนกลับมาถึงห้องเซฮุนก็พาลู่หานแวะทานข้าวเย็นก่อนเข้าห้องเพราะตั้งใจว่าคืนนี้จะไม่ออกไปไหนแล้ว
อยากจะอยู่กับน้องทั้งคืนเพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เซฮุนพาลู่หานมาค้างที่ห้อง
...ห้องผู้ชายที่อยู่เพียงลำพังคนเดียว พอได้มีผู้หญิงมาอยู่ด้วยแบบนี้
มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
“ถึงแล้ว...”
บนคอนโดชั้นที่ 32 ใจกลางเมืองที่เป็นเหมือนบ้านของเซฮุน
ในตอนนี้เจ้าของห้องกำลังหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเขา
โดยที่มีร่างเล็กยืนอยู่ข้างๆท่าทางที่มองดู
ดูก็รู้ว่าลู่หานรู้สึกไม่ชินสักเท่าไหร่
สองมือกำถุงยาแน่นหันซ้ายแลขวาก็ไม่เจอใครเลย เพราะชั้นนึงมันมีห้องเพียงไม่กี่ห้อง
ก็เลยทำให้ที่นี่ดูเงียบเป็นธรรมดา
“ยังเก็บคีย์การ์ดที่พี่ให้เราไว้ตอนนั้นเอาไว้หรือเปล่า”
“ค...คะ? อ่า
แป๊บนะ” เหมือนลู่หานจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเธอเองยังเก็บคีย์การ์ดใบนั้นเอาไว้ในกระเป๋าสตางค์ของเธอเป็นอย่างดี
มือน้อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเธอเพื่อที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา
ก่อนที่จะล้วงเอาคีย์การ์ดใบดังกล่าวออกมาแล้วยื่นมันไปให้พี่เซฮุน
เพราะคิดว่าเซฮุนคงจะลืมหรือเปล่า
เลยมาขอคีย์การ์ดที่ตัวเองแบบนี้
“เปิดห้องสิ”
“พี่ไม่เปิดเองเหรอคะ?” เอียงคอมองด้วยท่าทางที่งุนงง
“ก็ลองเปิดดู
จะได้รู้ว่าคีย์การ์ดที่พี่ให้ไปน่ะ...ของจริง” พูดจบรอยยิ้มที่มุมปากก็ปรากฏขึ้นมาอย่างคนเจ้าเล่ห์
แต่เขาก็ไม่ใช่พวกเพลย์บอยที่ชอบเอามุขนี้ไปเล่นกับผู้หญิงคนไหน
ลู่หานนี่แหละคือคนแรกที่เซฮุนเล่นอะไรแบบนี้ด้วย
“เปิดได้จริงๆด้วยค่ะ...”
ลู่หานค่อยๆผลักประตูห้องเข้าไป
หญิงสาวถอดรองเท้าเอาไว้ตรงชั้นวางข้างประตู ส่วนเซฮุนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาเพียงแค่เดินเอาขนมที่ซื้อติดมือกลับมาด้วยไปใส่ไว้ในตู้เย็น
ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีรินน้ำให้น้องดื่ม แล้วบอกให้ลู่หานยืนรออยู่ตรงกลางห้องนั่นก่อน
แต่ดูเหมือนว่าเพราะฤทธิ์ยาที่เพิ่งทานเข้าไปบวกกับว่าวันนี้ลู่หานเพลียจนแทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้ว
ร่างเล็กจึงพาตัวเองมานั่งตรงโซฟากลางห้องโถงโล่งๆที่มีแค่โซฟายาว
ตรงหน้าเป็นทีวีจอยักษ์ ข้างกันจะเป็นบาร์เครื่องดื่มเล็กๆไม่ใหญ่มาก
พอลองมองดูดีๆคอนโดเซฮุนถือว่ากว้างมาก
กว้างชนิดที่ว่าเมื่อเดินเข้ามาแล้วภายในห้องยังมีบันไดเชื่อมขึ้นไปด้านบนได้อีก
แล้วถ้าให้เธอเดาน่าจะเป็นห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ส่วนชั้นล่างก็จะเป็นแค่ห้องครัว
ห้องแต่งตัว และก็ห้องนั่งเล่นแค่นั้น...
เซฮุนหายเข้าไปในห้องนอนอยู่นานสองนาน
จากตอนแรกที่มาถึงห้องท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว เพราะไหนจะไปหาหมอ
ไหนจะพาไปกินข้าวซื้อของใช้ส่วนตัวบางอย่างอีก ...
เซฮุนเดินออกมาจากห้องนอนที่อยู่ชั้นบนที่มีบันไดเชื่อมขึ้นไป
ในมือของเขามีเสื้อยืดสีเทาตัวใหม่ที่ยังไม่เคยได้ใส่เลยสักครั้งและคิดว่าจะเอาออกมาให้ลู่หานใส่นอนคืนนี้ด้วย
อ่างน้ำขนาดพอประมาณกับผ้าขนหนูผืนเล็กถูกบิดจนหมาดด้วยแรงมือของร่างสูงที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าโซฟาที่มีร่างของลู่หานนอนหลับไม่ได้สติอยู่
เมื่อครู่ลองแตะที่ตัวดูก็พบว่าอุณหภูมิร่างกายของลู่หานลดลงจากเมื่อกลางวันไปแค่นิดเดียวเอง
นี่ก็ค่ำแล้วเห็นทีคงต้องเช็ดตัวให้น้องก่อนจะพาเข้านอนซะแล้ว
ผ้าที่เปียกชื้นถูกสัมผัสลงไปบนท่อนแขนของลู่หาน
เซฮุนจัดการเช็ดตัวให้น้องตั้งแต่ต้นแขนที่โผล่พ้นเสื้อนักเรียนสีขาวเรื่อยลงมาจนถึงเรียวขาขาวขาวจนเซฮุนต้องข่มใจเอาไว้
ถอนลมหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัดแบบนับครั้งไม่ถ้วน
“น้องเขาอุตส่าห์ไว้ใจ...
“ พึมพำด่าตัวเองไปเรื่อย
แต่ปลายนิ้วกลับเริ่มริดกระดุมเสื้อนักเรียนของเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะออกทีละเม็ดๆ
ท่าทางที่นิ่งเพราะพยายามข่มจิตข่มใจตัวเองเอาไว้ ไม่ให้คิดมากเกินกว่าคำว่าน้อง
พยายามเตือนตัวเองว่านี่คือน้องสาวพี่สะใภ้
อย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้นเป็นครั้งที่สองเลย
กระโปรงนักเรียนที่มีความยาวไม่ถึงหัวเข่าถูกปลดออกมาจากข้อเท้าเป็นสิ่งสุดท้ายหลังจากที่ร่างสูงสงบสติอารมณ์ตัวเองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลู่หานมาสักพักแล้ว
สภาพของลู่หานตอนนี้ในสายตาของเซฮุนคือเหมือนตุ๊กตายางที่มีชีวิต ไม่ว่าจะมองไปที่ส่วนไหนก็งดงามไปหมด
มือขนาดใหญ่ลูบไปตามเนื้อต้นขาเนียนขาวไปมาราวกับพวกโรคจิต
สายตาของเซฮุนตอนนี้เก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่เลย
ยิ่งได้มองส่วนบนที่เป็นหน้าอกขาวๆอวบๆของน้อง ยิ่งทำให้เซฮุนแทบบ้า
อยากจะตบหน้าตัวเองสักสองสามทีแล้วบอกว่าน้องกำลังป่วยอยู่
แกจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะ
สุดท้ายแล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดชั่วร้ายพวกนั้นซะ
เซฮุนจัดแจงสวมใส่เสื้อยืดให้ลู่หานจนเรียบร้อย
ด้วยความยาวของเสื้อที่พ้นสะโพกมนลงมาเพียงคืบเดียวยิ่งทำให้น้องดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก
แต่หารู้ไม่ว่าเซฮุนนั้นตั้งใจเลือกเสื้อตัวนี้ให้ลู่หานอยู่แล้ว
“อือ...” เพียงไม่นานร่างบอบบางที่นอนหลับไปหลายชั่วโมงก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น
เมื่อลืมตาขึ้นกลับต้องแปลกใจว่าทำไมตัวเองถึงได้มาอยู่ในชุดแบบนี้ไปได้
เมื่อมองไปที่ปลายเท้าก็เห็นว่าพี่เซฮุนกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง
เปรยสายตามามองทางลู่หานเพียงเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าน้องตื่นแล้ว
ท่อนแขนขนาดใหญ่จึงอ้าออกกว้างเหมือนจะเชื้อเชิญให้อีกคนเข้ามาใกล้ๆ
ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ยาหรือว่าเพราะพิษไข้กันแน่ที่ทำให้ลู่หานว่านอนสอนง่ายค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งแล้วคลานเข้าไปหาพี่เซฮุน
สอดมือโอบกอดเอวสอบของชายหนุ่มอันเป็นที่รักของเธอเอาไว้
แนบแก้มเนียนลงไปบนหน้าอกที่นูนชัดขึ้นมาเพราะกล้ามเนื้อที่แข็งแร็งของคนพี่
ท่าทางที่ออดอ้อนของลู่หานยิ่งทำให้เซฮุนอยากจะวางสายไปเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วจัดการน้องซะเดี๋ยวนี้
แต่เขาก็ทำไม่ได้ เพราะว่าคนในสายที่กำลังคุยด้วยในตอนนี้นั่นก็คือพี่คริส
พี่ชายแท้ๆของเขานี่เอง
[ดูแลน้องเขาดีๆ
นี่พออี้ชิงรู้ว่าแกไปรับน้องลู่หานที่โรงเรียนพี่เขาบอกว่าค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย
ถ้าเป็นคนอื่นนี่อี้ชิงเขาไม่ปล่อยน้องสาวของเขาให้ไปด้วยหรอก”
“เหรอ ฮ่ะๆ” เซฮุนถึงกับหลุดขำออกมา
เมื่อได้ยินประโยคที่แสดงออกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจของพี่ๆทั้งสองคน
ที่หารู้ไม่ว่า….คนที่ไว้ใจ ร้ายที่สุด
[แล้วนี่จะนอนยัง ฉันจะได้วาง]
“ยังเฮีย ยังไม่ง่วงอะ
คุยต่อเลยก็ได้ น้องเขาหลับอยู่เลยไม่รู้จะคุยกับใคร”
แกล้งโกหกไปคำโต
ในขณะที่นิ้วชี้ของเซฮุนข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์อยู่กลับชี้ไปที่ส่วนนั้นของเขาที่มันขยายตัวใหญ่อยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ที่สวมใส่
จนลู่หานที่พยายามเงี่ยหูฟังคนพี่คุยโทรศัพท์มานานจนรู้ว่าเป็นพี่ชายของพี่เซฮุนก็เลยเงียบเสียงเอาไว้
กลัวว่าพี่เขาจะรู้ว่าตอนนี้ลู่หานตื่นนอนแล้ว
“เออ
ผู้หญิงคนนั้นที่เฮียพามาให้รู้จักอะ เขาชื่ออะไรนะ” อยู่ๆเซฮุนก็ลั่นประโยคบางอย่างถามพี่ชายตัวเองออกไป
เหมือนต้องการที่จะยั่วโมโหลู่หานที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าเมื่อครู่ที่เซฮุนชี้นิ้วไปที่ตรงนั้นน่ะ
มันหมายถึงอะไร
จนเซฮุนต้องดึงมือถือในมือออกห่างแล้วกระซิบข้างใบหูน้องว่าให้ทำอะไรกันแน่
“เล่นกับมันหน่อยสิ...”
“ผู้หญิงอะไรเหรอคะ?” ไม่ได้หึงหรอกแต่สีหน้าก็ออกอาการว่าหึงอยู่หน่อยๆตอนที่พี่เซฮุนกำลังพูดถึงใครสักคนอยู่
คนที่ลู่หานเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใคร
“หึง?” เลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมกับเอ่ยถามคนน้องออกไป
กลั้นยิ้มเอาไว้สุดฤทธิ์เมื่อรับรู้ว่าลู่หานเองก็น่าจะหึงอยู่พอตัว
ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวคงไม่ขวนขวายหากระดุมกางเกงของเซฮุนแล้วรีบปลดออกโดยไวขนาดนี้
เล่นเอาเซฮุนแทบขยับตัวไม่ทัน
รีบยกสะโพกขึ้นสูงตอนที่ลู่หานกำลังรูดกางเกงยีนส์ของเขาออกจากท่อนขา
ตามมาด้วยกางเกงชั้นในชายสีดำที่ถูกปลดออกลงมาคาเอาไว้ที่หน้าตักของเซฮุนเอง
[เซฮุน ยังอยู่ปะ?] เมื่อเห็นว่าน้องชายเงียบเสียงไปนาน
คริสก็เลยรีบส่งเสียงถามดูเพราะถ้าไม่อยู่จะได้วางสายเลย
“อยู่เฮีย
แล้วที่นั่นเป็นไงบ้างอะ อากาศดีไหม? อย่า—“ ไม่ทันตั้งตัว
ทันทีที่ลู่หานถลกชายเสื้อยืดตัวยาวของตัวเองขึ้นมากองเอาไว้ใต้ราวนม
ก่อนที่จะตวัดขาขึ้นคร่อมตักของคนพี่
เตรียมพร้อมที่จะขึ้นให้โดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งของเซฮุนเลยสักนิด
เล่นเอาร่างสูงแทบตกใจ
รีบจับหมับเข้าที่เอวบางไว้ก่อน เพราะเขาแค่อยากจะให้น้องออรัลให้
ไม่ใช่การขึ้นให้แบบนี้
[เซฮุน เป็นไรเปล่า?]
“ปะ...เปล่า
เมื่อกี้เฮียว่าไงนะ” เหมือนสติจะหลุดอยู่แล้ว
ตอนที่น้องพยายามที่จะจับท่อนกายที่ตั้งตรงของเซฮุนขึ้นมาจ่อรอที่จะเข้าไปสำรวจช่องทางนั้น
แต่มันกลับยังไม่ถึงเวลา เขาพยายามรั้งไม่ให้น้องเล่นซนแบบนี้อีก
มันไม่ดีแน่เขายังไม่ทันได้ป้องกันเลยลู่หานจะจัดการเองไปก่อนไม่ได้นะ
[อากาศก็เย็นๆดีอะ เรื่อยๆว่ะ
ไว้รอบหน้ามาด้วยกันปะ]
“ขอแบบตอนทริปหน้าหนาวได้ปะ
ถ้าได้ผมไป” พูดกับปลายสาย
แต่สายตาอันร้อนแรงของเซฮุนกลับเอาแต่จ้องไปที่หน้าของลู่หานเหมือนต้องการจะบอกว่าประโยคที่พูดไปน่ะ
เขาหมายถึงอยากได้แบบตอนไปทริปหน้าหนาวที่ผ่านมาอีก
ในเต็นท์นั่นน่ะ...ขอแบบนั้นเลย
[ได้ดิ เออเอาน้องลู่หานเขามาด้วย
เขาดูมีความสุขดีนะ]
“น้องคงชอบอะ...” ชอบมากเลยด้วยแหละ
ไม่อย่างนั้นคงไม่ติดใจจนมาถึงครั้งนี้ยอมเริ่มต้นก่อนแบบนี้หรอก
“รอแป๊บ” เซฮุนขยับปากพูดกับลู่หานแบบไม่มีเสียงเพื่อบอกให้น้องอดใจรอก่อน
ที่จะเริ่มต้นคืนนี้ไปด้วยกัน ร่างสูงเดินถือโทรศัพท์คุยกับพี่ชายตัวเองพร้อมกับเดินไปที่ลิ้นชักใต้ทีวี
ดึงลิ้นชักชั้นบนสุดออกมาแล้วคว้าเอาสิ่งของสำคัญหยิบติดมือขึ้นมา
ก่อนที่จะเดินกลับมาที่โซฟาที่มีน้องลู่หานนั่งรออยู่อีกครั้ง
“เออ ว่าจะถามเฮียอยู่ ...
เฮียน้องลู่หานมีคนมาจีบเยอะปะ พี่อี้เขาได้บอกเฮียบ้างปะ”
ไม่ว่าเปล่ากล่องถุงยางอนามัยไซส์เซฮุนก็ถูกโยนไปที่ตักของร่างเล็กให้จัดการกับมันซะ
ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งพิงกับพนักโซฟาอีกครั้ง
ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่สาวมือไปกับความยิ่งใหญ่ของตัวเองไปมาระหว่างที่กำลังรอน้องแกะกล่องของสำคัญที่เขาเพิ่งไปหยิบออกมาให้
[เยอะนะ ไมวะ สนใจเหรอ]
“ก็อยากรู้ไง ถ้าไม่มีจะได้จีบ”
ตรงคำว่า ‘จีบ’ มันตรงกับช่วงที่ถุงยางในมือของลู่หานรูดลงไปสวมกับท่อนกายของเซฮุนพอดีและจังหวะสุดท้ายสายตาของร่างเล็กก็ตวัดขึ้นมามองหน้าเซฮุนพร้อมกับขยับปากแกล้งคนพี่ว่า
“มีคนจีบเยอะมาก”
[โห
แกเตรียมตัวตายได้เลยครับไอ้น้องชาย พี่อี้ชิงนี่เขาหวงน้องสาวเขาอย่างกับอะไรดี
เขาไม่ชอบให้น้องเขามีแฟนน่ะ กลัวว่าจะมีแล้วจะดูแลลู่หานไม่ได้]
“ผมก็ดูแลน้องได้ดีออก ดีมากๆเลยด้วย...”
[เดี๋ยวเถอะ อย่ายุ่งน่ะดีแล้วเปลี่ยนบ้างเถอะจะเป็นลูกเขยบ้านนี้กันหมดเลยเหรอไง]
“ไม่ได้เหรอ เออเฮีย
แค่นี้ก่อนนะ น้องตื่นแล้วอะ แค่นี้นะ...ครับๆ” วินาทีต่อมาหลังจากที่เซฮุนกดตัดสายจากพี่คริสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ร่างสูงก็ไม่รอช้า รีบวางโทรศัพท์ลงข้างกายก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่จะโถมเข้าใส่ลู่หานที่นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขา
เสียงสูดดมตามเรือนร่างขาวเนียนยิ่งทำให้ร่างบางอ่อนระทวย
ตอนแรกที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนี้หรอก
แค่อยากจะอ้อนเซฮุนเฉยๆ
แต่พอได้ยินว่าผู้หญิงอะไรสักอย่างลู่หานก็อดไม่ได้ที่จะออกอาการหึง
และยอมรับว่าเธอไม่อยากให้ให้พี่เซฮุนกับใคร ...
จากความรักตอนนี้กลายเป็นความหึงหวงไปแล้ว
“อื้อ พี่ฮุน ใจเย็นๆนะคะ”
อาการตะกละตะกลามราวกับอดอยากเรื่องแบบนี้มานานแรมเดือนทำให้เซฮุนขาดสติเอาแต่กอดรัดร่างกายของน้อง
พร้อมกับเค้นมือไปตามบั้นท้ายอวบอิ่มแบบไม่กลัวว่าน้องจะช้ำเลยแม้แต่น้อย
ปลายจมูกโด่งฝังอยู่ตรงร่องอกของเด็กสาวมอปลายที่ตัวเองเพิ่งจะอาสารับปากว่าจะดูแลให้
แต่ดูแลที่ไหนอันนี้ก็ให้ร่างกายเล่าเรื่องก็แล้วกันนะ
“อืออ ค่อยๆนะคะ”
“ตัวยังร้อนอยู่เลย ...ไหวเหรอ”
“ผู้หญิงที่พูดถึงนี่ใครเหรอคะ?”
ย้อนถามกลับหน้าตาเฉย
“แล้วผู้ชายจีบเยอะนักเหรอ
เราอะ หื้มมม” คราวนี้เซฮุนงับเข้าที่เนินอกตรงหน้าจนขึ้นเป็นรอยแดงช้ำเลือดหน่อยๆ
จนลู่หานถึงกับร้องออกมาเพราะความเจ็บที่พี่เซฮุนแกล้งกลับมาแบบนี้
“พี่ฮุน!”
“ไง คนจีบเยอะเหรอ
ลืมชื่อพี่ไปแล้วเหรอไง หรือต้องให้พี่ทวนเรื่องที่เต็นท์คืนนั้นอีก—“
“ถ้าไม่อยากทวนความจำ พี่คิดว่าเราจะยอมตามพี่มานอนที่ห้องด้วยเหรอคะ?”
ยิ่งกว่าการหว่านเสน่ห์ คือลีลาที่แสนยั่วยวนของน้อง
ราวกับภาพลักษณ์ของเด็กมัธยมปลายวัยสิบหกปีคนนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
ตอนนี้จะมีเพียงแค่ลู่หานของพี่เซฮุนเพียงเท่านั้น
“หึ ลืมไปแล้ว
ไหนเริ่มให้พี่ดูได้ไหมคะ” สิ้นเสียงเซฮุนก็จัดการดึงเสื้อยืดที่ตัวเองสวมใส่อยู่ออกจากศีรษะ
คราวนี้เขาค่อยๆเอนกายพิงโซฟาดีๆ เชิดหน้าขึ้นพร้อมกับรั้งร่างกายให้ลู่หานเข้ามามอบสัมผัสให้กับเขา
ร่างของเจ้าแมวน้อยบนตักค่อยๆออกลีลาฝังใบหน้าลงไปที่ลำคอของหนาของคนพี่แล้วจัดการจูบเม้มไปเรื่อยๆแม้แต่สันกรามที่ยกที่นูนขึ้นมาลู่หานก็ค่อยๆไล่จูบไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งขึ้นมาถึงใบหน้าคมคายของเซฮุน จนทั้งสองไม่รอช้าโถมจูบใส่กันทันที
“อือ อื้ออ”
“ทำไมยั่วพี่นักล่ะ
อย่างนี้พี่จะทำยังไงดีล่ะ หื้ออ ไม่น่ารักเลยถ้าพี่อี้ชิงรู้ขึ้นมาจะทำยังไง...”
เหมือนต้องการจะแซวให้เด็กน้อยหวาดกลัว แต่ไม่เลย
วินาทีต่อมาที่เซฮุนผลักกายของน้องให้นอนราบลงไปตามความยาวของโซฟาก่อนจะคลานขึ้นคร่อมร่างผอมบางเอาไว้
ประโยคเมื่อครู่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด
“เราจะบอกว่าพี่เริ่มก่อน...”
“เริ่มก่อนแล้วยังไง
ก็ผิดที่เธอเกิดมาน่ารักเอง อื้อ!”
“อ๊ะ! พี่ฮุน อ๊ะ...อ๊า...”
จังหวะสุดท้ายเหมือนไม่ทันตั้งตัวเซฮุนก็สอดท่อนกายของตัวเองเข้ามาในร่างกายของลู่หานจนเกือบสุดเพียงครั้งเดียว
และเพราะร่างกายของลู่หานกำลังป่วยอยู่ก็เลยยิ่งทำให้ผนังเนื้อที่อ่อนนุ่มภายในยิ่งร้อนรุ่มราวกับมีน้ำร้อนหล่อเลี้ยงแกนกายของเซฮุนเอาไว้
ซึ่งก็ยิ่งทำให้เซฮุนได้ใจขยับกายเข้าออกทันทีโดยที่ไม่สนใจทั้งนั้นว่าน้องจะเจ็บมากหรือไม่
รู้แค่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขามันหยุดขยับไม่ได้แล้ว
ทั้งเสียว
ทั้งเร่าร้อน...ร่างกายของเด็กอายุ 16 มันเด็ดอย่างนี้นี่เอง
“อ๊า พะ...พี่ เสียวไปหมดแล้ว
อื้อ—“
“ร้อนอะ ซี๊ด...” ได้แต่ซี๊ดปากเพื่อระบายความเสียวซ่านตรงส่วนร่าง
มือข้างที่ว่างก็เฟ้นฟอดไปตามทรวงอกของน้องสาวที่ไม่ได้เป็นแค่น้องสาวของเขาอยู่ในตอนนี้
เสียงร้องครางระงมของลู่หานดังไปทั่วทั้งห้อง
ยิ่งปลายของส่วนนั้นกระแทกเข้ามาลึกมากเท่าไหร่ลู่หานก็ยิ่งร้องดังมากขึ้นเท่านั้น
เซฮุนตัดสินใจยกขาข้างหนึ่งของลู่หานขึ้นพาดบ่าสูงเอาไว้แล้วกระแทกกายเข้าใส่เน้นๆจนเสียงเนื้อที่กระทบกันดังขึ้น
ยิ่งทำให้บรรยากาศในค่ำคืนนี้นั้นดีกว่าทุกคืนที่ผ่านมา
ยามที่ได้มองเห็นสีหน้าของคนใต้ร่างที่เหมือนกำลังยั่วไปในตัว
บางครั้งก็ร้องครางออกมายิ่งทำให้เซฮุนแทบบ้า
เอาแต่กระแทกกายเข้าใส่โดยที่ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าน้องกำลังป่วยอยู่ รู้ตัวอีกที
เขาก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว
อยากจะเสร็จสมอารมณ์หมายนี้เร็วๆแล้วเริ่มต้นยกต่อไปกับน้องทันที
“อ่า...ลู่หาน อื้ม” ส่งเสียงครางระบายความอัดอั้นในใจออกมา
พร้อมกับส่วนนั้นที่เร่งขยับเข้าออกเร็วขึ้นกว่าเดิม
จนในที่สุดเมื่อเริ่มรู้ตัวว่าทนไม่ไหวแล้ว
แกนกายที่มีถุงยางอนามัยห่อหุ้มอยู่ก็รีบดึงออกมาจากช่องทางขึ้นสีนั้น
แล้วดึงรั้งปลายถุงออก ก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะต้นขาและเบาะโซฟาของตัวเองอย่างห้ามไม่ทัน
เสียงหอบหายใจแรงๆของลู่หานเช่นเดียวกันกับเซฮุนที่ยังคงคร่อมร่างของลู่หานเอาไว้อยู่
จ้องมองเรือนร่างที่มีรอยแดงช้ำเป็นจุดๆก็เริ่มใจหาย
แต่พอนึกขึ้นได้ว่ารอยพวกนั้นมันมาจากฝีมือตัวเองก็เลยไม่คิดอะไรมาก ตัวเองทำเองจะกลัวอะไร
“เข้าไปนอนกัน...” เพราะเห็นว่าป่วยก็เลยไม่อยากวอแวกับน้องมาก
ถึงแม้ว่าใจเซฮุนจะอยากได้มากกว่านี้เพราะแค่รอบเดียวพลังงานของเซฮุนเพิ่งหายไปได้นิดเดียวเอง
แต่เหมือนเขาจะลืมไปว่าน้องไม่ได้แข็งแรงเหมือนอย่างเขา
จะมาเอาแต่ใจกับคนป่วยแบบนี้ก็คงจะไม่ได้
“พี่ฮุน—“
“หือ?” ยังไม่ทันที่ท่อนแขนของเซฮุนจะช้อนร่างของลู่หานขึ้นแนบอก
เพื่อที่จะพาเข้าไปนอนในห้องนอนดีๆ
จู่ๆเสียงเรียกของน้องกลับทำให้เซฮุนหยุดชะงักแล้วจ้องหน้ามองลงมาที่ร่างบอบบางที่เหมือนจะหมดแรงเต็มทนแล้ว
“อีกรอบได้ไหมคะ...หนูขอ”
“หือ ไหวเหรอ?” นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อได้ยินคำว่า ‘ขอ’ หลุดออกมาจากปากของลู่หาน วินาทีต่อมา
ร่างของลู่หานถูกวางลงบนโซฟาอีกครั้ง คราวนี้ฝ่ายน้องเริ่มเอง
ทั้งยังจัดแจงสวมถุงยางให้เซฮุนใหม่ เริ่มใหม่หมด เขาเองก็ไม่รู้ว่าน้องเอาแรงมาจากไหนนัก
แต่เซฮุนก็ไม่ขัดขืนอะไรเพราะถือว่าได้กำไรไปสองยกทั้งๆที่น้องยังป่วย
ก็คุ้มแล้วสำหรับค่ายาในวันนี้...
.
.
.
.
เช้าวันจันทร์ที่แสนรถติด
ในเวลาเจ็ดโมงเช้าหน้าโรงเรียนหญิงล้วนที่ที่ลู่หานกำลังเรียนอยู่
ตั้งแต่วันศุกร์มาจนถึงวันนี้ เธออาศัยอยู่กับพี่ชายคนสนิทมาโดยตลอด
ไปไหนมาไหนด้วยกันทำตัวราวกับว่าเป็นแฟนกันก็ไม่เชิง พี่เซฮุนเองก็ดูแลดีทุกอย่าง
แม้กระทั่งว่าถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่ออาบน้ำแล้วขับรถมาส่งลู่หานที่โรงเรียน
พี่ฮุนยังยอมเลย
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะความขยันหรือเพราะว่ากำลังหลงเด็กน้อยในวัย
16 ปีกันแน่
“ตั้งใจเรียนนะ
อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ เข้าใจไหม”
“ค่ะพี่ฮุน” พยักหน้ารับคำอย่างดี
ก่อนที่เด็กสาวในชุดนักเรียนมอปลายจะเลื่อนใบหน้าเข้าไปหอมแก้มผู้ปกครองในนามของเธอที่ใจดีขับรถมาส่งที่โรงเรียนในวันนี้
“ไปได้แล้ว
วันนี้พี่อี้ชิงกลับมาบ้านแล้วนี่
แต่ถ้าเย็นนี้ไม่มีใครมารับก็โทรมาหาพี่นะเดี๋ยวออกมารับเอง” ลู่หานเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารัวๆ
เป็นอันว่ารับรู้ถึงความใส่ใจของพี่แล้ว
ประตูรถมาเซอราติสีขาวถูกเปิดออก
ก่อนที่จะร่างของลู่หานจะก้าวเดินลงไปพร้อมกับประตูรถที่ปิดลง
เซฮุนมองตามแผ่นหลังแคบๆของน้องสาวและ ‘เมีย’ ของเขาที่กำลังจะเดินเข้าโรงเรียนอยู่รอมร่อ
แต่ทว่าจังหวะที่รถคันขาวของเขากำลังจะหักเลี้ยวเพื่อจะขับออกไป ในตอนนั้นเองเสียงเคาะกระจกรถฝั่งข้างคนขับก็ดังขึ้นมา
เป็นเหตุให้เซฮุนต้องหันกลับไปมอง
แล้วพบว่าเป็นลู่หานที่วิ่งกลับมาเคาะกระจกรถอีกครั้ง
พร้อมกับย่อตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันกับเซฮุน
ในตอนที่บานกระจกฝั่งลู่หานจะถูกลดระดับลงมาเรื่อยๆ
“ว่าไง ลืมอะไรอีก?”
“พี่ฮุนคะ...จะเป็นไรไหม
ถ้าเราจะบอกพี่ว่า...”
“ว่า?”
“พี่ช่วยโกหกพี่อี้ชิงทีได้ไหมคะ...คือว่า....คืนนี้เราอยากนอนกับพี่อีก”
“หื้ม เอาจริงเหรอ” ไม่อยากเชื่อกับหูตัวเอง ว่าลู่หานจะกล้าเดินกลับมาเพื่อที่จะบอกสิ่งๆนี้กับเขา
“ค่ะ” เซฮุนใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองพร้อมแสดงสีหน้าที่เหมือนจะแอบยิ้มอยู่หน่อยๆ
ดูจะพอใจกับคำของน้องอยู่ไม่น้อยเลย
“ให้พี่โกหกว่าอะไรอะ”
“บอกว่าหนูลืมของสำคัญไว้ห้องพี่ก็ได้ค่ะ
เย็นนี้จะรีบไป ‘เอา’ นะคะ”
เซฮุนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรใส่น้องหรือเปล่า
ตั้งแต่เจอกันวันแรกจากที่ยังไม่กล้า ยังกลัวทุกสิ่งอย่างอยู่
พอมาวันนี้ลู่หานไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ร่างเล็กเดินหายเข้าโรงเรียนไปแล้ว
เหลือก็แต่เซฮุนนี่แหละที่เอาแต่นั่งยิ้มอยู่บนรถเพียงคนเดียว
มือถือในมือก็พร้อมที่จะต่อสายหาพี่สะใภ้ในอีกไม่ช้า
“ฮัลโหล พี่อี้ชิงเหรอ
ผมเซฮุนเองนะ...”
- The End -
หนทางดับคุก
You' ll never คุก alone
#ฉากบาปฮุนฮาน
ที่มาของคำว่า ‘ยั่วตาใส’ นั่นคือน้องลู่หานในเรื่องนี้นี่เอง 555
ฉากบาปภาคนี้มันมีกี่ตอนเราเองก็ไม่รู้
รู้แค่ว่าถ้าวันใดวันหนึ่งพี่ฮุนถอดเสื้อหรือมีความ sin ความ
porn อีกให้เดินไปเรียกเราที่ทวิตได้เสมอ ขอบคุณค่ะ 55555555555
ตอนนี้จบแล้ว ไม่มีตอนหน้า คือไม่มีคือไม่บอกว่าจะแต่ง
ถ้าใจเราอยากจะมา เดี๋ยวมาเอง 555 เผลอๆฉากใหม่ผุดมา
อาจจะกลายเป็นภาค 4 เลยก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น