วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

[OS] Bad boy in the Barbie world : Hunhan


ฟิคเรื่องนี้แต่งไว้ตั้งแต่ปี 2557
Bad boy in the barbie world 



            “เห้ย! แน่จริงอย่าหนีสิวะ!”
            เสียงตะโกนจากผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งดังลั่นไปทั่วทั้งซอยแคบๆ เสียงฝีเท้าของผู้คนที่น่าจะมีมากกว่าสิบคนกำลังวิ่งตามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ การไล่ล่ากันระหว่างคนสองฝ่ายร่างสูงโปร่งเพียงคนเดียวกับการต่อสู้กับผู้ชายอีกเป็นฝูง ถ้าไม่แข็งแกร่งจริงก็คงจะตายอยู่ในซอกมุมใดมุมหนึ่งของตึกแถวๆนี้ไปแล้ว

            โคร้มมม!
            ข้าวของที่อยู่ตามข้างทางล้มพังระเนระนาด ผู้คนที่อยู่แถวนั้นต่างก็แตกตื่นกันไปหมดบ้างก็ตะโกนด่ากลับมาเพราะสร้างความเสียหายให้กับพวกร้านค้าในบริเวณนั้น ยิ่งในช่วงนี้เป็นช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาที่พวกนักเรียนเริ่มเลิกเรียนกันมาบ้างแล้ว
            ร่างสูงที่กำลังวิ่งหนีอยู่เพียงคนเดียวพยายามต้อนให้อีกฝ่ายวิ่งตามมาจนถึงเส้นทางที่มุ่งไปสู่ลานกว้างๆใต้สะพานข้ามแม่น้ำที่เป็นแหล่งซ่องสุมของพวกวัยรุ่นแถวนั้น

            พลั่ก!
            มือหนาวิ่งเข้าไปจับท่อนเหล็กยาวๆอันหนึ่งที่วางทิ้งไว้อยู่ตรงพื้นเขวี้ยงเข้าหากลุ่มคนที่กำลังวิ่งตามมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะรีบมุ่งหน้าวิ่งหนีต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้ทั้งนั้นว่าจุดหมายปลายทางข้างหน้าของเขาจะไปที่ไหน รู้แค่เพียงว่าเขาต้องวิ่งหนีให้เร็วที่สุดก็เท่านั้น
            ในขณะนั้นเองผู้ชายตัวเล็กคนหนึ่งกำลังเดินคุยโทรศัพท์กับพี่ชายสุดที่รักคนรองอยู่อีกฟากหนึ่งของกลุ่มคนที่กำลังวิ่งไล่ล่ากันอยู่นั้น ที่กำลังเดินเอ้อระเหยยกถุงเค้กที่ตนเองอุตส่าห์แวะซื้อมาด้วย ระหว่างทางที่กลับมาจากมหาวิทยาลัย
            ร่างเล็กแต่งตัวด้วยสไตล์ที่น่ารักๆด้วยเสื้อฮู้ดสีชมพู กางเกงขาสั้นประมาณเข่าสีขาวพร้อมกับกระเป๋าแบรนด์ดังสีครีมที่มีพวงกุญแจตุ๊กตาบาร์บี้ใส่ขวดโหลเล็กๆห้อยอยู่ กำลังเดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านพอดี
            “ครับๆ ผมกำลังจะกลับแล้ว เนี่ยซื้อสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กไปฝากพี่ชิงด้วยน้า”
            ด้วยเส้นทางที่ต่างไปจากทุกวัน เพราะทางเดิมที่เคยเดินกลับเป็นประจำวันนี้ดันมาปิดเพื่อก่อสร้าง เลยต้องเลี่ยงมาใช้เส้นทางนี้แทน บ้านของร่างเล็กนั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยมากนักเขาก็เลยไม่อยากจะรบกวนให้ที่บ้านมารับ ขอเดินกลับเองดีกว่า
            แต่จะว่าไปก็นะ เส้นทางนี้นี่ขึ้นชื่อเรื่องอันธพาลครองเมืองเลย ทั้งพวกเด็กติดยาบ้างล่ะ ถ้าเขาไม่รีบเดินกลับให้ไวมีหวังเขาอาจจะไม่ปลอดภัยแน่ๆ
            “เห้ย! หยุดนะเว้ย!”
            ในขณะนั้นเองที่ร่างบางกำลังจะเดินรอดผ่านเส้นทางใต้สะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ จู่ๆเสียงวิ่งเข้ามาของคนหมู่มากก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าของเขา ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมาจากถุงขนมในมือแล้วจ้องมองผู้ชายตัวสูงๆคนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าวิ่งตรงมาทางเขาอย่างเร็วจนกระทั่ง...
            “นี่มันอะไรกันน่ะ อ๊ะ!”
            ร่างบางถูกผู้ชายร่างสูงคนนั้นที่เขายืนจ้องมองอยู่วิ่งเข้าชนเต็มแรง จนร่างทั้งร่างล้มกลิ้งลงไปบนพื้นคอนกรีตหยาบๆทันที ร่างเล็กกลิ้งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงท่อนเหล็กหล่นลงกระทบพื้นเสียงดังลั่น ในที่สุดการปะทะกันระหว่างคนสองฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้น
            ร่างสูงที่วิ่งเข้ามาชนเขาเมื่อครู่กำลังต่อสู้อยู่กับผู้ชายหลายสิบคน ร่างบางที่ดูตกใจเป็นอย่างมากได้แต่จ้องมองรอยสักขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงต้นแขนด้านซ้ายของผู้ชายคนนั้นตลอดเวลา เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วมันเรื่องอะไรกันที่คนพวกนั้นจะต้องมาต่อยกันต่อหน้าต่อตาของเขาแบบนี้

            พลั่ก!
            เสียงแลกหมัดยังดังขึ้นมาไม่หยุดหย่อนจนกระทั่งอีกฝ่ายที่มีมากกว่าเริ่มร่วงลงไปบนพื้นทีละคนๆด้วยแรงเหวี่ยงจากร่างสูง ถึงจะตัวคนเดียวก็เถอะ แต่ผู้ชายคนนี้ก็สามารถล้มอีกฝ่ายได้ทีละคนๆด้วยเรี่ยวแรงเพียงสองมือของตนเพียงเท่านั้น
            “ฮือ ลู่กลัว
            คนตัวเล็กรีบคลานถอยออกมาหลบอยู่ตรงลูกกรงที่สูงสุดหัว นั่งพิงกอดเข่าเอาไว้ ก่อนจะเอามือปิดตาไม่กล้ามองภาพที่ดูโหดร้ายตรงหน้านั้น ภาพการต่อสู้เตะต่อยกันลู่หานไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่เคยเห็นด้วยตาของตัวเองแบบนี้เลยสักครั้ง

            พลั่กๆ!
            เวลาผ่านไปเนิ่นนาน มือบางที่ยกขึ้นมาปิดตาของตัวเองเอาไว้ค่อยๆแหวกนิ้วออกเล็กน้อย พยายามมองภาพตรงหน้าผ่านช่องนิ้วเล็ก ก่อนจะเห็นว่าลานคอนกรีตกว้างๆทั้งลานนี้มีเพียงผู้ชายตัวสูงๆคนนั้น กำลังยืนอยู่ทามกลางผู้ชายอีกหลายสิบคนกำลังนอนจมกองเลือดอยู่
            นี่อย่าบอกนะว่านายล้มพวกเขาด้วยกำปั้นของนายล้วนๆเลยน่ะ

            “กลับบ้านไปได้แล้วไปเด็กน้อย..”
            ร่างสูงที่เหลือบสายตาหันมาเห็นว่าผู้ชายตัวเล็กที่เผลอวิ่งชนเมื่อกี๊ยังนั่งอยู่ตรงลูกกรงไม่ไปไหนเลยเดินเข้ามาหาแล้วนั่งลงลูบหัวของเด็กน้อยตรงหน้าเบาๆ
            “ฉันไม่ใช่เด็กนะ ฉันอยู่มหาลัยแล้ว!”
            ลู่หานยกมือที่ปิดหน้าลงมาก่อนจะแผดเสียงเถียงกลับไป ภาพที่ลู่หานเห็นตรงหน้าในตอนนี้ก็คือใบหน้าของร่างสูงที่ชุ่มไปด้วยเลือด หัวคิ้วที่มีบาดแผลขนาดใหญ่แตกเป็นทาง พร้อมกับโหนกแก้มที่ช้ำแดงจนเริ่มม่วง
            ลู่หานรู้สึกกลัว บาดแผลสดๆบนใบหน้าของเขาเต็มไปหมดเลย เขาจะเจ็บไหมนะ...
            “นะ...นายโดนต่อย”
            “กลับบ้านไปซะ”
            ร่างสูงที่ไม่ได้ใส่ใจอะไรเด็กน้อยตรงหน้ามากนักกำลังลุกขึ้นยืนทำท่าทีจะเดินออกไป
            “นาย! นายช่วยฉันไว้จากพวกนั้นใช่ไหม
            ร่างเล็กรีบลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะโกนตามแผ่นหลังกว้างของอีกคนที่กำลังเดินหนีเขาออกไป ร่างสูงหยุดยืนนิ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงเล็กๆของเด็กน้อยคนนั้นตะโกนตามมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่ยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขาเพียงเท่านั้น
            “ฮีโร่ของฉัน...
            เสียงของลู่หานเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งยามที่เห็นว่าอีกคนนั้นยอมหยุดยืนอยู่กับที่
            รัศมีออร่าความน่ากลัวที่แผ่ซ่านออกมาจนลู่หานสัมผัสได้ด้วยตาเปล่า คนตรงหน้าเขาช่างเป็นฮีโร่ในใจเขาจริงๆ ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้มาช่วยเอาไว้มีหวังอาจจะโดนคนพวกนั้นรุมกระทืบไปแล้วก็ได้
            ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ร่างสูงที่ยืนเช็ดเลือดของตัวเองอยู่ก็นึกรำคาญผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังของเขาขึ้นมาเสียแล้ว อยากจะหันไปพูดเหลือเกินว่าเรื่องเมื่อกี๊น่ะเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วย แต่แค่บังเอิญวิ่งไปชนแล้วนายดันกระเด็นออกไปเองทำให้ไม่โดนลูกหลงจากคนพวกนั้นยังไงล่ะ
            “เอ่อ คือว่า..ฉันขอบคุณนายมากนะที่..ช่วยฉันเอาไว้”
            ร่างบางเดินเข้ามาหาอีกคนใกล้ๆ ทิ้งระยะห่างจากแผ่นหลังกว้างถึงร่างเล็กนั้นเพียงไม่กี่ก้าว
            “กลับบ้านไปซะ...”
            ร่างสูงที่ยังไม่ยอมหันหน้ากลับมาเอาแต่พูดประโยคเดิมๆ ไม่แม้แต่ที่จะรับคำขอบคุณจากร่างบางเลยแม้แต่น้อย ก็ในเมื่อเขาไม่ได้ตั้งใจจะช่วย แล้วเขาจะสนใจคำขอบคุณพวกนั้นทำไม
            “แต่นายบาดเจ็บนะ ไปหาหมอก่อนไหม” ร่างบางวิ่งอ้อมตัวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของร่างสูงทันที
            ร่างตรงหน้าที่ดูจะเตี้ยกว่าอีกคนอยู่มาก...ก็ถือว่ามากเลยแหละ เพราะความสูงของลู่หานนั้นอยู่ประมาณระดับอกของเขาเท่านั้นเอง ทำให้เวลายืนคุยกันร่างบางต้องเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบนเพื่อสนทนากัน ถึงจะลำบากไปหน่อยก็เถอะ
            “ช่างเถอะ”
            สีหน้าที่ดูเย็นชา พร้อมกับนิ้วเรียวที่พยายามเช็ดเลือดที่ไหลย้อยลงมาที่หางคิ้วตามไปด้วย ร่างสูงเบี่ยงตัวหลบอีกคน ก่อนจะเดินหนีออกมาแต่ทว่าร่างบางก็ยังคงตามตื๊อไม่หยุด
            เลือดออกขนาดนั้น ถ้าไม่รีบทำแผลอาจจะติดเชื้อเป็นบาดทะยักหรือไม่ก็อาจจะตายได้เลยนะ..
            เมื่อคิดได้ดังนั้น คุณหนูลู่หานคนสวยก็รีบออกตัววิ่งตามร่างสูงที่ก้าวขาเดินหนีไปไกลแล้ว ร่างบางที่ขาสั้นกว่ามากเลยต้องรีบสาวเท้าวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
            “นี่ นายน่ะ...ไปหาหมอไหม เดี๋ยวฉันออกค่ารักษาเอง”
            “ไม่ต้อง!”
            ร่างสูงหันมามองคนที่วิ่งมาจนเสมอกับตัวเขาพร้อมกับท่าทางที่ดูเหนื่อยหอบเป็นอย่างมาก
            “นะๆๆ ไปเถอะเพราะนายช่วยฉันนายถึงต้องมาเจ็บเพราะฉันแบบนี้ไง” คุณหนูลู่หานคนสวยยังคงเอาแต่ตามตื๊อไม่เลิก จนร่างสูงที่หันมามองด้วยความรำคาญถึงกับต้องหยุดชะงักแล้วจ้องหน้าร่างบางที่วิ่งมายืนอยู่ตรงหน้าของเขาอีกรอบ
            “ไป หา หมอ นะ....”ลู่หานฉีกยิ้มกว้าง มือทั้งสองข้างก็จับกระชับกับสายสะพายของเป้ทั้งสองข้างเอาไว้ด้วย
            “ไม่
            “อะ...อ้าว” ร่างบางทำหน้าเหวอไปชั่วขณะ เมื่อจู่ๆมือหนาก็ออกแรงผลักที่หัวไหล่ของเขาออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะมุ่งหน้าเดินเลี้ยวไปตามทางฟุตปาธข้างๆกับท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถรามากมายในยามค่ำคืน
            “นี่ นายฮีโร่ ถ้านายไม่ไปหาหมอกับฉัน ฉันก็จะเดินตามนายไปตลอดเนี่ยแหละ”
            ลู่หานที่ทำตัวเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้จับสังเกตอะไรเลยว่าตอนนี้ร่างสูงกำลังแสดงสีหน้าที่ออกไปในทางรำคาญลู่หานมาก
            บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง นี่ก็ค่ำแล้วเดี๋ยวโดนพวกขี้ยาแถวนี้ฉุดไปข่มขืนไม่รู้ด้วยนะ แล้วอะไรคือการที่ผู้ชายหน้าสวยๆเหมือนผู้หญิงต้องมาเดินตามเขาต้อยๆแบบนี้ด้วย
            น่าอายชะมัด...
            ร่างสูงเดินเลี้ยวเข้ามาตามซอกทางเดินข้างตึกของทาวน์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง เป็นซอกแคบๆที่น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามันมีทางเข้าไปข้างในด้วย เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงบันไดที่สามารถเดินลงไปยังชั้นใต้ดินได้แสงไฟจากโคมไฟที่กระพริบอยู่ริบหรี่มันดูน่ากลัวจนลู่หานก็อดสงสัยไม่ได้ว่าร่างสูงกำลังจะเดินไปไหน
            จนกระทั่งในที่สุดความสงสัยของร่างบางก็เริ่มจะกระจ่างขึ้นมาทันทีเมื่อในที่สุดทางที่เดินลงมาจากบันไดนั่นนำพาพวกเขามาสู่ประตูห้องๆหนึ่ง ซึ่งพูดง่ายๆคือมันเหมือนเป็นฐานทัพอะไรสักอย่างหรือไม่ก็ที่ซ่องสุมพวกโจรอะไรพวกนี้ ดูลึกลับชะมัด
            “นี่ยังไม่กลับไปอีกเหรอ”
            ในขณะที่ร่างสูงกำลังจะล้วงหยิบกุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาไขเพื่อเข้าห้องไป เสียงฝีเท้าของอีกคนก็วิ่งเข้ามาหยุดอยู่ด้านหลังของเขาพอดี จนผู้เป็นเจ้าของห้องต้องรีบหันมามองด้วยสายตาที่ดูจะรำคาญเข้าขั้นสุด
            “ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย นายชื่ออะไรเหรอ”
            แววตาที่ดูร่าเริงราวกับว่าสิ่งที่เป็นอยู่บนโลกใบนี้มันดูสดใสไปซะทุกอย่าง กำลังจ้องมาทางเขาเพื่อต้องการคำตอบ โดยไม่นึกกลัวเลยสักนิดว่าที่เดินตามผู้ชายมาตลอดทางเนี่ยมันจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นรึเปล่า
            “…………..” ร่างสูงไม่ได้ตอบกลับไปเพียงแต่หันหน้ากลับไปไขกุญแจตรงลูกบิดนั่นต่อ
            “โอ เซฮุน
            ร่างบางพูดพึมพำขึ้นมาก่อนที่สายตาของเจ้าของชื่อดังกล่าวจะมองกลับไปที่ใบหน้าของลู่หานด้วยความตกใจว่ารู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อโอเซฮุน จนในที่สุดคำตอบที่มาจากการมองไล่ไปตามสิ่งที่คนตัวเล็กกำลังจดจ้องอยู่ก็ทำให้เซฮุนรู้ได้ทันทีเลยว่าลู่หานรู้ชื่อเขาได้เพราะสิ่งนี้นี่เอง
            “แฮ่ะๆ ก็ชื่อนายที่บิลค่าไฟมันเด่นหราขนาดนั้นนี่นา...”
            ใบหน้าหวานส่งยิ้มแห้งๆไปให้ก่อนจะชี้นิ้วไปที่กล่องรับจดหมายเก่าๆข้างๆประตูที่มีบิลค่าไฟสอดเอาไว้อยู่ แต่ก็ยังโชคดีที่ชื่อของเจ้าของบ้านโผล่ออกมาจากช่องนั้นให้ได้เห็นอย่างชัดเจนพอดี
            “รู้แล้วก็กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวพวกนั้นกลับมาฉันไม่รู้ด้วยนะ”
            พูดจบเซฮุนก็กระชากประตูที่ไขแล้วออกมาเตรียมที่จะเดินเข้าห้องที่เล็กเท่ารูหนู แต่ทว่าเมื่อประตูบานใหญ่กำลังจะปิดลง กลับมีมือของอีกคนดึงรั้งเอาไว้ที่ขอบประตูทำให้เซฮุนต้องหยุดชะงักแล้วหันไปมองร่างเล็กทันที
            “เอ่อ...อะนี่
            ลู่หานส่งยิ้มให้อีกคนเขินๆก่อนจะดึงกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ออกมาเปิดช่องเล็กๆด้านหน้าแล้วหยิบซองอะไรสักอย่างออกมาให้
            “ล้างแผลด้วยนะ แล้วค่อยปิดมันลงไป....” พลาสเตอร์ยาหลากหลายลายถูกยื่นมาตรงหน้าของเซฮุน ร่างสูงที่มองของที่อยู่ในมือของอีกคนแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามไม่ได้เพราะสิ่งที่มือเล็กๆกำลังถืออยู่ในมือนั่นมัน..
            พลาสเตอร์ยาลายบาร์บี้สีชมพู
            ปัญญาอ่อน!” เซฮุนพูดตัดบทเพียงแค่นั้นก่อนจะหมุนตัวเตรียมที่จะเดินเข้าห้องไป โดยที่ประตูห้องก็ยังคงถูกมือเล็กจับเอาไว้เช่นเดิม
            “ซ...เซฮุนคือ อ่า...นายไม่สนใจฉันเลย” ลู่หานเตรียมจะอ้าปากเรียกแต่ทว่าเซฮุนกลับเดินหายเข้าไปในมุมเล็กๆของห้องจนร่างบางมองไม่เห็นซะแล้ว
            “งั้นฉันวางมันไว้ตรงนี้นะ ฉัน..ขอบคุณนายมากๆนะ ฮีโร่ของฉัน”
            ลู่หานก้มลงวางพลาสเตอร์ยาที่อยู่ในซองพลาสติกใสหลายๆอันไว้ตรงพื้นในห้องของเซฮุนก่อนจะทำหน้าเศร้าสร้อยเสียใจอยู่ไม่น้อยที่อีกคนไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขาเลยสักนิด
            “เรียกฉันว่าคุณหนูลู่ก็ได้นะ ฉันชื่อลู่หาน..คุณหนูลู่หาน!”
            ก่อนที่บานประตูจะปิดลง ลู่หานก็ไม่ลืมที่จะตะโกนชื่อของตัวเองออกไปให้อีกคนที่ยังไม่ยอมเดินออกมาให้ได้ยิน อย่างน้อยถึงเขาจะไม่รับน้ำใจจากเรา แต่ขอให้เขารู้จักชื่อของเราก็พอแค่นี้คุณหนูลูลู่หานก็พอใจแล้ว
            ไว้ฉันจะแวะมาหาใหม่นะ นายฮีโร่!!
            เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นมาจากด้านหน้าห้องทำให้เซฮุนรับรู้ได้ว่าอีกคนนั้นกลับไปแล้ว
            “คุณหนูลูลู่ เหอะ ไร้สาระ”
            มือหนาถอดเสื้อกล้ามสีดำที่ใส่อยู่ออกมาจากทางศีรษะก่อนจะโยนมันลงไปในตะกร้าผ้าที่กองสุมกันจนจะสูงเท่าภูเขาอยู่แล้ว ร่างกายสมส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เมื่อทั้งตัวเหลือแค่เพียงกางเกงยีนส์สีซีดเอวต่ำมันช่างดูมีเสน่ห์มากกว่าผู้ชายคนอื่นเป็นไหนๆ
            เซฮุนเดินออกมาตรงประตูที่ปิดสนิทก่อนจะก้มลงไปหยิบเอาพลาสเตอร์ยาที่อีกคนวางไว้ให้ขึ้นมาดู ก่อนจะแค่นยิ้มออกมาเมื่อได้มองของในมือที่ตนเองกำลังถืออยู่
            “เหอะ ลายบาร์บี้...”
-----------------------------

            “พี่จุนนน พี่ชิงงง น้องลู่กลับมาแล้ววว”
            หลังจากที่ร่างบางเดินออกมาจากตรอกใต้ดินแคบๆนั่นแล้ว ลู่หานก็เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่บ้านทันทีเพราะเวลาเริ่มล่วงเลยจนเกือบจะสองทุ่มแล้วจะเดินกลับเองก็กลัวว่ามันจะอันตราย
            ร่างบางสะพายเป้สีครีมเดินเข้าไปในคฤหาสน์ขนาดใหญ่ของตระกูลคิมที่มีคนอาศัยอยู่แค่เพียงสี่คน ไม่รวมพวกคนใช้ นั่นก็คือพี่จุนมยอนพี่คนโตของบ้าน พี่ชิงชิงพี่คนรองและน้องเล็กสุดอย่างน้องลูลู่ พ่อกับแม่ของพวกเราทำงานอยู่ที่จีนไม่เคยกลับมาเลยตั้งแต่ลูลู่อายุ 18 ปีจนตอนนี้ลูลู่ก็อายุ 20 แล้วแต่ท่านก็ติดต่อกลับมาบ้างเป็นครั้งคราว
            เอาเป็นว่าคุณพ่อกับคุณแม่ยังเลี้ยงดูพวกเราแต่แค่พวกเราไม่ได้เจอหน้าท่านเลยแค่นั้นแหละ
            “น้องลู่ไปทำอะไรมา ทำไมตัวมอมแมมเลอะเทอะขนาดนี้ล่ะ”
            พี่ชิงชิงเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับคุณพี่เขยสามีสุดหล่อของพี่ชิงนั่นก็คือพี่ฟาน พี่ฟานแต่งงานกับพี่ชิงเมื่อต้นปีก่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังใหญ่โตนี้ ร่างบางที่หน้าตาตื่นตระหนกยามเมื่อเห็นสภาพน้องชายหน้าหวานของตัวเองดูไม่ค่อยดีเลยจึงรีบวิ่งเข้ามาดูทันที
            “เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ เอ่อ คือ..ลูลู่เจอฮีโร่ด้วย” ร่างเล็กยิ้มหวานไปให้พี่ๆทั้งสองก่อนจะก้มหน้าเขินตามสไตล์ของคุณหนูลู่ผู้น่ารักของบ้าน
            “หืมม ฮีโร่อะไรกัน เราโตแล้วนะ” พี่เขยสุดหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มออกมาท่ามกลางความไร้เดียงสาของน้องลูลู่
            “ก็เอ่อ...ลู่เจอวัยรุ่นยกพวกตีกัน แล้วเขาก็มาช่วยน้องลู่ไว้”
            ลู่หานพูดไปก็ยิ้มเขินอายกับภาพผู้ชายคนนั้นไปด้วย เขาหล่อนะ ไม่สิหล่อมาก แต่ตอนแรกลู่ก็ไม่ชอบสไตล์แบบเขาเท่าไหร่มันเถื่อนไปแต่เขาช่วยชีวิตน้องลู่ไว้ เรื่องเถื่อนๆอะไรแบบนั้นถือซะว่าน้องลู่ให้อภัยก็แล้วกัน          
            “ตายแล้ว แล้วนี่น้องลู่เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หรือว่าโดนลูกหลงอะไรตรงไหนไหม”
            มือบางของอี้ชิงรีบยกแขนทั้งสองข้างของลู่หานขึ้นเพื่อสำรวจร่องรอยว่าโดนทำร้ายตรงไหนบ้างรึป่าวแต่ก็ไม่เจอ มีก็แต่รอยถลอกที่ข้อศอกตอนที่กลิ้งล้มลงไปบนพื้นเพียงเท่านั้น
            “ไม่ๆ ลู่โอเคดี ลู่ไม่เจ็บหรอก แต่เขาน่ะสิ...คงจะเจ็บหนักน่าดู”
            สีหน้าที่ดูเศร้าไปถนัดตาของลู่หานทำเอาพี่ชายและพี่เขยต่างก็มองลู่หานด้วยท่าทางที่สงสัย ลู่หานแลแปลกๆนะ หรือว่าน้องจะมีความรัก ไม่สิจะมีได้ยังไงในเมื่อลู่หานเพิ่งเจอกับคนนั้นเมื่อเย็นนี้เองนะ
            “งั้นไปทำแผลก่อนมา”
            อี้ชิงจูงมือน้องชายตัวเล็กของตัวเองให้เดินตามเข้ามาที่ห้องรับแขกก่อนที่จะสั่งให้คนใช้ไปเอากล่องยาเพื่อที่จะทำแผลให้ลู่หาน
            ร่างบางยังคงยิ้มไม่หุบ ยังคงวาดฝันถึงผู้ชายที่เขาเจอเมื่อเย็นนี้ เท่ห์เป็นบ้าเลย หล่อแล้วยังเท่ห์อีกคิดไปก็จับแก้มของตัวเองไปด้วย
            “คราวหลังถ้ากลับเย็นโทรบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่กับพี่คริสขับรถไปรับที่มหาลัย” อี้ชิงพูดออกไปด้วยความเป็นห่วงมือก็ควานหาสำลีในกล่องยาไปด้วย 
            “อ่า..ไม่ต้องหรอก น้องลู่ดูแลตัวเองได้พวกพี่ไม่ต้องลำบากหรอกเดี๋ยวพี่จุนเขาก็มาดุลู่อีก หาว่าน้องลู่ยังไม่โตทั้งๆที่อีกไม่กี่ปีน้องลู่ก็จะเรียนจบมหาลัยแล้ว” ลู่หานรีบออกตัวปฏิเสธความห่วงใยของพวกพี่ๆไว้ก่อน
            ตั้งแต่เล็กจนโต ลู่หานถูกเลี้ยงแบบเด็กน้อยมาโดยตลอด คนทั้งบ้านทั้งหวง ทั้งโอ๋ ขนาดเข้ามหาลัยแล้วก็ยังเป็นห่วงอยู่นั่นแหละ ลู่หานดูแลตัวเองได้น่า ส่วนข้อสงสัยที่ว่าแล้วทำไมที่บ้านถึงปล่อยให้ลู่หานเดินกลับเอง นั่นก็เพราะระยะทางมันใกล้มหาลัยมากไง เลยเดินไปเองได้
            “ยังจะดื้ออีก นี่ไงดูแลตัวเองได้ เป็นไงล่ะได้แผลกลับบ้านมาเลย”
            อี้ชิงกดสำลีลงกลางแผลของลู่หาน จนร่างเล็กของผู้เป็นน้องต้องเบะหน้าทรมานเพราะความเจ็บ เสียงบ่นของพี่ชิงเป็นอะไรที่น่ารำคาญที่สุดในบ้านแล้ว แต่พี่คริสสามีของพี่ชิงก็ยังทนได้แถมยังบอกอีกว่าที่พี่รักอี้ชิงก็เพราะเสียงบ่นเนี่ยแหละ
            แปลกกันทั้งคู่..
            “อ้าว พี่จุนมาพอดีเลย”
            อี้ชิงเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ชายตัวขาวอีกคนที่เดินลงมาจากชั้นบนของตัวบ้านหลังใหญ่และเมื่อคนตัวเล็กที่กำลังนั่งให้อี้ชิงทำแผลอยู่ได้ยินว่าพี่จุนมาแล้วก็รีบชักแขนกลับทันทีกลัวว่าพี่จุนจะเห็น แต่ทว่ามันก็ไม่ทันซะแล้ว
            “ลู่หานเป็นอะไร ทำไมต้องเอากล่องพยาบาลออกมาด้วย”
            พี่จุนพี่ใหญ่ของบ้านนั่งลงอีกฝั่งนึงข้างๆลู่หานที่เอาแต่นั่งก้มหน้ามุบมิบอยู่กับตัวเอง ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาด้วยเลย
            “ก็ลู่หานน่ะสิ....”
            “พี่ชิง!” เสียงเล็กตะโกนร้องห้ามพี่คนรองเสียงดังลั่น แต่ทว่าเมื่อเหลือบมองอีกด้านแล้วเห็นสายตาดุๆของจุนมยอนเลยตัดสินใจหุบปากก้มหน้าลงยอมรับความผิดทันที
            “ก็ลู่หานน่ะสิ ไม่รู้ไปเจอวัยรุ่นที่ไหนตีกัน สงสัยจะโดนลูกหลงน่ะเลยได้แผลกลับมาด้วยแต่มันแค่เล็กน้อยเอง” อี้ชิงเล่าให้จุนมยอนฟังก่อนที่มือจะหันมาหยิบพลาสเตอร์ยาขึ้นมาทำแผลให้น้องเล็กต่อ
            “น้องลู่ดื้ออีกแล้วใช่ไหม...ก็รู้ว่ากลับเย็นแล้วทำไมไม่โทรให้ไปรับ”
            “ก็เอ่อ..คือว่า..” ลู่หานอ้ำอึ้งไม่กล้าต่อปากต่อคำกับพี่จุน เพราะพี่จุนคือคนที่ลู่หานกลัวมากที่สุด
            “แล้วอะไร ได้แผลมาแบบนี้ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคนอื่นเขาจะเป็นห่วงเราแค่ไหน ไม่ต้องเลยนะวันหลังพี่จะให้พี่คริสกับพี่ชิงไปรับ”
            “ไม่นะ!” ลู่หานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับออกปากค้านเสียงดังลั่นบ้าน
            “ทำไม! แอบหนีเที่ยวรึเปล่าน่ะ เป็นเด็กเป็นเล็กรอเรียนจบก่อนแล้วค่อยคิด”
            “ไม่! ลู่โตแล้ว ลู่จะเที่ยว! ลู่เที่ยวได้!” ร่างเล็กเถียงคนเป็นพี่เสียงแข็ง ทั้งๆที่เมื่อก่อนลู่หานไม่ใช่คนแบบนี้ แล้วอะไรกัน ถึงทำให้ลู่หานคนที่เคยน่ารักกลายเป็นเด็กเสียมารยาทแบบนี้กันนะ
            “ลู่หาน ขึ้นไปนอนไปดึกแล้ว”
            คริสที่ทนฟังพี่น้องทั้งสามคนทะเลาะกันอยู่นานเลยตัดบทบอกให้ขึ้นไปนอนซะ
            “ไม่ พี่คริสต้องเข้าใจน้องลู่สิ น้องลู่โตแล้วนะกลับบ้านเองได้ ไปเที่ยวได้ ลู่ยี่สิบแล้วนะ ไม่ใช่สิบสองทำไมพวกพี่ๆไม่เข้าใจน้องลู่เลย!”
            ลู่หานสุดจะทนเพราะอึดอัดมานานแล้วกับการโดนพวกพี่ๆทั้งสองประคบประหงมมาตั้งแต่เด็กๆ
            ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้ากระเป๋าสีครีมขึ้นสะพายหลังเตรียมที่จะเดินหนีออกจากบ้านไป
            “น้องลู่เบื่อพี่ เบื่อๆๆ น้องลู่จะหนีออกจากบ้าน น้องลู่จะหนีไปอยู่กับผู้ชาย!”
            “ไม่ได้นะ!” เสียงร้องท้วงของพวกพี่ๆทั้งสองคนรวมไปถึงพี่เขยอีกคนที่ดูจะตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย 
            สิ้นเสียงเล็กที่ตะโกนเถียงจนสุดแรง ลู่หานก็รีบวิ่งออกไปทางหน้าบ้านทันที เล่นเอาพวกพี่ๆทุกคนต้องรีบวิ่งตามไปติดๆ แต่ก็ไม่ทันน้องชายตัวเล็กที่เป็นถึงแชมป์นักวิ่งตอนม.ปลาย
            ลู่หานวิ่งหนีออกมาจนถึงนอกรั้วสีทองของคฤหาสน์เมื่อหันมองไปทางด้านหลังก็เห็นเป็นพวกพี่ๆทั้งสามคนกำลังวิ่งตามมา ทันใดนั้นเองรถแท็กซี่คันหนึ่งก็วิ่งผ่านมาพอดี มือน้อยๆรีบโบกรถคันนั้นก่อนจะรีบขึ้นรถไปทันที ก่อนที่พี่ๆทั้งสามจะวิ่งมาจับตัวไว้ได้ทัน
            จากระยะทางที่ดูไม่ใกล้ไม่ไกลมากนัก ลู่หานจำทางไปบ้านของผู้ชายคนนั้นได้ดี จำได้แม่นเลยแหละ และแน่นอนลู่หานจะไปขออยู่ด้วย ก็ในเมื่อเรื่องเมื่อเย็นเขายังช่วยลู่ไว้เลย แล้วทำไมแค่ที่พักสักคืนนึงเขาจะให้ลู่หานอยู่ด้วยไม่ได้ล่ะจริงไหม
            “จอดตรงซอกเล็กๆข้างหน้านั่นแหละครับ ตรงป้ายนั้นเลย”
            ลู่หานชี้ไปที่หน้าตึกสูงๆที่เคยเห็นเมื่อเย็น ก่อนจะควักเงินให้คุณลุงคนขับบอกไม่ต้องทอนก่อนที่ร่างบางจะเดินลงมาจากรถแท็กซี่คันนั้น

            เวลาล่วงเลยมาจนเกือบห้าทุ่มแล้ว ร่างเล็กๆของลู่หานก็มายืนอยู่ที่ประตูหน้าห้องของผู้ชายที่ช่วยเหลือเขาเมื่อตอนเย็นจนได้ ลู่หานยกกำปั้นเคาะประตูอยู่หลายสิบรอบแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนข้างในจะเปิดเลยสักนิด
            “นายฮีโร่! เปิดประตูให้คุณหนูลู่หน่อยสิ!”
            ร่างเล็กตะโกนให้คนด้านในได้ยิน แต่ทว่าก็ยังเงียบอยู่ ไม่มีใครออกมาเปิดเลย
            “นี่เซฮุน โอเซฮุน! มาเปิดให้โหน่ยยยยยย คุณหนูลู่มา...อ๊ะ!”
            ตะโกนเรียกไม่ทันขาดคำ ประตูบานเล็กตรงหน้าก็ถูกผลักออกมาจนแทบจะกระแทกใส่หน้าลู่หานอยู่แล้ว แต่ก็ยังดีที่ยังหลบทัน
            “นี่ยังไม่กลับอีกเหรอ”
            ลู่หานชะงักนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพคนตรงหน้า เสื้อก็ไม่ใส่แถมข้างล่างยังมีแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวอีก ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะคงจะเพิ่งตื่นนอน มัน...เท่ห์มากเลยอ่ะ ฮืออ
            “ก...กลับแล้ว แล้วก็มาใหม่” น้ำเสียงที่ดูตะกุกตะกักเพราะกำลังหลงใหลในรูปร่างของผู้ชายตรงหน้าอยู่
            ลู่หานจ้องมองที่ซิกแพคของเซฮุนตาเป็นมัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันแน่นแค่ไหน โหย.ตั้งแต่เกิดมาลูลู่เองก็ไม่มี แถมยังไม่เคยเห็นของใครแบบใกล้ๆอย่างนี้เลยนะ
            “หื่น เลิกมองแล้วก็กลับไปได้แล้วไป จะนอน
            เซฮุนขยี้ผมอย่างหัวเสีย อะไรกันมาเคาะประตูดึกๆดื่นๆเพื่อมายืนจ้องซิกแพ็คคนอื่นเนี่ยนะ โรคจิตว่ะ ลูกคุณหนูประสาอะไร ทำไมถึงยังออกมาอยู่ข้างนอกกลางค่ำกลางคืนแบบนี้
            “ไม่ๆ คุณหนูลู่จะมาขออาศัยด้วยคืนนึง...เดี๋ยวจ่ายค่ารบกวนให้” นิ้วชี้ยกขึ้นมาตรงหน้าเพื่อต่อรองกับเซฮุนว่าขออยู่คืนนึงนะ
            “ไม่!” เซฮุนกดเสียงต่ำก่อนจะกระชากประตูเข้ามาเตรียมจะปิด
            “เดี๋ยวๆ ฉันจ่ายให้สองคืนก็ได้ นะๆ หนีออกมาแล้วจะกลับก็ไม่ได้” เสียงเล็กร้องโอดครวญ
            “ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันไม่รู้.....”
            เซฮุนตัดบทก่อนจะกระชากประตูเข้ามาปิดทันที ด้วยแรงที่มีน้อยนิดของลู่หานบวกกับกลัวว่าประตูจะหนีบมือเอาเลยต้องรีบปล่อยมือออกจากขอบประตูนั่นทันที
            “ฮือออ ใจร้ายย ไม่ช่วยเหลือเด็กตาดำๆจริงๆน่ะเหรอ ...ฮีโร่เมื่อเย็นของฉันหายไปไหนแล้วนะ”
            ร่างบางตัดสินใจทรุดตัวลงนั่งพิงกำแพงข้างๆประตูบานเล็กนั่น ก่อนจะฟุบหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเอง น้ำตาคลอออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้เขาคงจะต้องนอนตบยุงอยู่ตรงนี้ซะแล้ว

            แล้วมันก็จริงเพราะในที่สุด เช้าวันใหม่ก็มาถึง
            เสียงเปิดประตูบานเล็กที่ถูกปิดไปตั้งแต่เมื่อคืน ถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ชายตัวสูงที่เดินออกมาพร้อมกับเสื้อกล้ามสีขาวเผยให้เห็นรอยสักขนาดใหญ่ที่ต้นแขนด้านซ้าย เซฮุนเดินออกมาจากห้องก่อนจะตกใจทันที เมื่อเหลือบมองลงไปที่พื้นข้างๆประตูแล้วเห็นว่าผู้ชายตัวเล็กๆที่มาตามตื๊อเขาเมื่อคืนนี้ยังไม่ไปไหน
            “อะไรนักวะ น่ารำคาญจริงๆ นี่นาย!”
            รองเท้าผ้าใบขาดๆสีดำยื่นออกไปเตะที่ข้างๆสะโพกของร่างเล็กเบาๆเพื่อปลุกให้อีกคนตื่น
            “โอ๊ย!” เสียงร้องของคนที่นั่งฟุบหลับอยู่ที่พื้นร้องดังขึ้นมาก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ตาเบาๆเพื่อปรับโฟกัสของสายตา
            นี่เช้าแล้วเหรอเนี่ย....
            “มานอนอะไรตรงนี้”
            เซฮุนก้มลงมองร่างเล็กที่แหงนหน้าขึ้นมามองเซฮุนตาปรือเพราะความง่วงที่ยังมีอยู่ เล่นเอาร่างสูงที่ก้มลงมามองถึงกลับชะงักไปชั่วขณะ แก้มแดงๆ ปากอมชมพู แล้วไหนจะผมสีน้ำตาลที่ดูน่ารักนั่นอีกทำไมอยู่ๆเราก็รู้สึกวูบแปลกๆในใจขึ้นมาได้วะ
            “ก็นายไม่ให้นอนด้วย....”
            “ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่เคยรู้จักกันสักหน่อย” เซฮุนเอ่ยพูดไปตามความจริง
            “แล้วไง..บอกว่าจะจ่ายตังค์ให้ก็ไม่เอา” ลู่หานหยัดกายลุกขึ้นยืนตรงหน้าของเซฮุน
            “ฉันไม่อยากได้เงิน....”
            “แล้วนายอยากได้อะไร ฉันหามาให้นายได้หมดเลยนะ”
            ลู่หานพยายามยื่นข้อเสนอต่อรองกับเซฮุนอีกครั้ง ยังไงครั้งนี้ลู่หานก็ต้องอยู่ที่นี่ให้ได้ เขาไม่มีทางกลับไปที่บ้านตอนนี้แน่นอน เขาจะลบคำสบประมาทจากพี่จุนมยอนให้ได้ เขาต้องอยู่ด้วยตัวเองให้ได้
            “เลิกตามฉันแล้วกลับบ้านของนายได้แล้ว นี่แหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ”
            พูดจบเซฮุนก็เตรียมที่จะก้าวขาเดินออกไปทิ้งร่างเล็กให้นั่งจมอยู่กับความง่วงตรงหน้าประตูนั่น แต่ทว่าฝ่ามือเล็กของคนที่นั่งอยู่ที่พื้นกลับยื่นเข้ามาคว้าที่ท่อนขาของเซฮุนเอาไว้เสียก่อน จนร่างสูงไม่สามารถเดินต่อไปได้
            “อะไรอีก!” เสียงที่ดูรำคาญของเซฮุนเล่นเอาคุณหนูลู่ต้องหลับตาปี๋เพราะกลัวอีกคนจะดุเอา
            “หิว ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวานแล้วลู่หานทำหน้าหมดแรงแต่แขนก็ยังกอดท่อนขาแกร่งนั้นเอาไว้
            “มีตังค์ก็ซื้อกินเองสิ”
            “หมดแรง ไม่รู้ด้วยว่าร้านอยู่ไหน....” สีหน้าที่ดูออดอ้อนของลู่หานถ้าเป็นคนอื่นมองก็น่าสงสารอยู่หรอก แต่สำหรับเซฮุนนั้นมันไม่ใช่
            ร่างสูงเปรยสายตามามองคุณหนูโลกแตกที่นั่งกอดขาอยู่ที่พื้นอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะดึงขาของตัวเองออกมาแล้วเดินหนีไปทันที
            สิบห้านาทีผ่านไป หลังจากที่เซฮุนเดินหนีลู่หานออกมาได้สักพักจนมาถึงตอนนี้คุณหนูจอมตื๊อก็ยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่หน้าประตูห้องไม่ไปไหน เซฮุนเดินออกมาที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะหยิบเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาสามสี่ห่อ พร้อมกับน้ำอัดลมอีกสองกระป๋องจ่ายตังค์แล้วเดินกลับมาที่ห้องอีกครั้งก่อนจะเห็นว่าร่างเล็กที่นั่งรออยู่ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ยอมลุกไปไหนเลย
            “ตามเข้ามา แต่อย่าพูดมากนักมันน่ารำคาญ”
            ร่างสูงถือถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อแกว่งไปโดนร่างบางให้รู้ตัวก่อนจะเปิดประตูเดินนำเข้าห้องไป ลู่หานที่พยักหน้าหงึกๆด้วยความดีใจที่ร่างสูงไม่ทิ้งให้เขาอดตายอยู่ตรงนั้นจึงรีบเดินตามเข้ามาทันที
            “โห นายอยู่ได้ไงอะ ห้องนายนี่เล็กกว่าห้องน้ำที่บ้านฉันเป็นครึ่งเลยนะ”
            เสียงบ่นดังขึ้นเมื่อลู่หานนั่งลงที่พื้นกลางห้อง แหงนมองเพดานก็เห็นเป็นฝ้าเก่าๆที่รั่วซึม ผนังห้องก็ลอกออกมาเป็นแผ่น ฟูกนอนเก่าๆที่พับอยู่ริมห้องนั่นอีก ไม่น่าอยู่ได้
            “บอกแล้วไง ว่ารำคาญเซฮุนหยิบหม้อไฟฟ้าอันเก่าๆดำๆออกมาก่อนจะทำการต้มบะหมี่ให้ยัยคุณหนูเร่ร่อนจอมพูดมากนี่กินซะ จะได้ไปๆสักที
            “ก็ฉันอยากคุยด้วยนี่นา” ลู่หานนั่งก้มหน้าจ๋อย
            “อายุเท่าไหร่ ทำไมถึงหนีออกมาแบบนี้” เซฮุนที่นั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของห้องเอ่ยถามขึ้น
            “อายุยี่สิบ เรียนปีสองมหาวิทยาลัยโซล มี่พี่น้องสามคนฉันเป็นคนเล็กสุด ”
            ลู่หานร่ายประวัติส่วนตัวของตัวเองออกมายาวเหยียด แต่ก็ใช่ว่าเซฮุนจะสนใจข้อมูลพวกนั้น แค่อยากรู้อายุกับเหตุผลที่หนีออกมาก็เท่านั้นเอง
            “ส่วนที่ถามว่าทำไมถึงหนีออกมาคือฉันเบื่อพวกพี่ๆ เขาชอบหาว่าน้องลู่ทำอะไรเองไม่เป็น ดูแลตัวเองก็ไม่ได้”
            “ก็จริง” เซฮุนพูดออกมาเสียงเบา ลู่หานเลยมองค้อนอีกคนอย่างไม่พอใจ
            “แล้วนายอะ! ไม่เรียนอ่อแล้วอายุเท่าไหร่ทำไมต้องว่าฉันเป็นเด็กด้วย”
            “อื้ม ไม่เรียน นายควรเรียกฉันว่าพี่ด้วยซ้ำเพราะฉันอายุมากกว่านาย”
            เซฮุนค่อยๆตักเส้นบะหมี่ใส่หม้อใบใหญ่ไปด้วย ก่อนจะยื่นมันมาให้ลู่หานที่นั่งอยู่กลางห้อง
            “พี่? อายุเท่าไหร่ นายหน้าเด็กกว่าฉันอีกนะ” ร่างเล็กดึงหม้อเข้ามาใกล้ๆตัวก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของมันเข้าไป
            “27”
            “หืออ” ร่างเล็กทำตาโตทันทีที่เมื่อได้ยินอายุของอีกคน นี่คนตรงหน้าอายุมากกว่าเขาตั้งเจ็ดปีเลยเหรอเนี่ย
            “กินดิ มีแค่นี้” เซฮุนมองหน้าลู่หานที่เอาแต่ตกใจในอายุของเขาก่อนจะก้มลงคีบบะหมี่ในหม้อเข้าปากไปโดยไม่สนใจร่างเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกเลย
            “นี่! กินในหม้อแบบนั้นได้ไงมันไม่สะอาดนะ! นี่นายแยกถ้วยสิ” ลู่หานตีเข้าที่มือของอีกคนก่อนจะเอ่ยดุออกมาตามสไตล์ของลูกคุณหนูผู้รักสะอาด
            “มีหม้อใบเดียว จะกินไม่กิน!” ร่างสูงเงยหน้ามองอีกคนอย่างไม่พอใจ
            “ก็ตอนอยู่ที่บ้านฉันก็กินแบบนี้นะ เขาต้องแยกชาม จาน ช้อน ถ้วยทุกอย่างเลยนี่นา”
            “งั้นก็กลับบ้านไป” เซฮุนไม่สนใจก้มหน้ากินบะหมี่ในหม้อต่อ
            “........” ลู่หานที่ไม่รู้จะทำยังไงด้วยความหิวที่มีมากเลยต้องจำใจก้มหน้าลงไปกินด้วยจนได้
            บะหมี่ที่ดูธรรมดาในสายตาของลู่หาน แต่ไม่รู้ทำไมยามที่ได้มากินกับคนตรงหน้าแล้วลู่หานกลับรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าอาหารหรูๆที่พ่อครัวในบ้านของเขาทำให้กินเสียอีก
            บะหมี่ที่ราคาถูก ลู่หานได้กินมันทุกมื้อ จากวันแรกที่เขาหนีมาอยู่กับเซฮุน....

            จนกระทั่งถึงวันนี้ ระยะเวลาก็ร่วมสองอาทิตย์แล้วที่ลู่หานไม่ยอมกลับไปที่บ้านอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...

            “เซฮุนกลับมาแล้ว!”
            ร่างเล็กยิ้มร่าด้วยความดีใจเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจากหน้าห้อง ลู่หานที่กำลังนั่งเก็บห้องอยู่จึงรีบวิ่งไปรออยู่ที่หน้าประตูทันที
            “ซื้ออะไรมาน่ะ
            ลู่หานตาโตตื่นเต้นกับสิ่งที่เซฮุนหิ้วกลับมาฝากเขาด้วยเป็นประจำทุกๆวัน ลู่หานรับถุงนั้นออกมาจากมือของเซฮุนก่อนจะเปิดถุงดูแล้วพบว่ามันคือเนื้อย่างที่เซฮุนซื้อมาฝากเขา
            “โห ของดีซะด้วย นายเอาเงินที่ไหนซื้ออะ”
            ลู่หานหันกลับไปมองอีกคนที่กำลังถอดเสื้อฮู้ดออกจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวในเพียงตัวเดียว
            “กินๆไปเถอะ ก็เห็นกินบะหมี่ทุกวันก็กลัวว่าจะเบื่อ”
            เซฮุนนั่งลงที่พื้นกลางห้องที่ดูแคบ ก่อนจะรอให้ร่างเล็กจัดเนื้อย่างมาเสิร์ฟให้เขา ตั้งแต่ที่คุณหนูลู่หนีมาอยู่ด้วยกันที่นี่ จากชีวิตคุณหนูที่แสนเลิศหรู กลับต้องกลายมาเป็นเด็กธรรมดาที่ต้องทำทุกอย่างให้เป็น ไม่ว่าจะซักผ้าหรือว่าเก็บห้องขอเพียงแค่เซฮุนไม่ไล่เขากลับบ้านไปก็พอ
            ส่วนมหาลัยน่ะเหรอ ลู่หานไม่ได้ไปแล้วเพราะกลัวว่าพวกพี่ๆจะส่งคนออกมาตาม ต้องตามแน่ๆ ลู่หานเลยเอาแต่หมกตัวอยู่ในรังหนูนี่ตลอด จะออกไปบ้างก็แค่ใกล้ๆ ไม่กล้าไปไกลกลัวว่าจะจับได้ว่าเขาหนีมาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่วันแรก ลู่หานพยายามเอาเงินที่เหลือติดตัวมาให้เซฮุนไว้ เพื่อเอาไว้เลี้ยงดูเขา แต่เซฮุนกลับไม่ยอมรับมันเลย
            บอกแค่ว่า อยากอยู่ก็อยู่ แต่อาหารการกินก็ต้องกินตามกำลังทรัพย์ที่เซฮุนมี ซึ่งในตอนแรกลู่หานยอมรับเลยว่าเบื่อ เบื่อมากแต่ทำไงได้เลือกจะมาอยู่แล้วก็ต้องอยู่ให้ได้
            “แล้วทำไมเอาเสื้อกล้ามตัวนี้ออกมาใส่”
            ร่างสูงที่คีบเนื้อเข้าปากเงยหน้ามองอีกคนที่ก้มหน้ากินอาหารอยู่ตรงหน้า ด้วยความที่ว่ามันเป็นเสื้อของเซฮุนตั้งแต่หัวจรดเท้าแน่นอนว่ามันใหญ่เพราะปกติเซฮุนก็ชอบใส่เสื้อตัวใหญ่ๆอยู่แล้ว ทำให้เวลาที่ลู่หานเอาไปใส่มันเลยเปิดหมดทุกอย่างไง แขนก็เว้าลึก คอก็ลึกจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
            “ก็มันเหลือตัวเดียวนี่นา ตัวอื่นยังไม่ได้ซักเลย”
            มือบางรวบคอเสื้อกระชับเอาไว้ไม่ให้โป๊จนเกินไป ก่อนจะก้มหน้ากินต่อ
            “จะอยู่อีกนานแค่ไหน...” จู่จู่ร่างสูงก็นึกถามคำถามนี้ขึ้นมาหลังจากที่ตั้งแต่ลู่หานเข้ามาอยู่ด้วย เขาก็ไม่เคยถามอะไรแบบนี้อีกเลย
            “ทำไมอะ อยู่มาตั้งครึ่งเดือนแล้ว นายจะไล่ฉันเหรอ”
            “ใช่ มันนานมากแล้ว ถ้าพวกพี่นายมาตาม นายก็ต้องกลับไป”
            “ไม่! ฉันอยากอยู่กับนาย”
            “หืม?” เซฮุนเงยหน้ามองอีกคนที่พูดจาออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง
            “แต่ฉันรู้สึกชอบนายไปแล้ว.....”
            ลู่หานเอ่ยพูดขึ้นมาเสียงแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ เพื่อไม่ให้เซฮุนได้เห็นใบหน้าที่ดูขวยเขินของเขา
            “ฉันว่านายควรกลับ” เซฮุนตัดสินใจพูดไล่ลู่หานอีกครั้งแต่ร่างบางกลับไม่สนใจเขาเลย
            “งั้นนายก็คบกับฉันสิ แล้วฉันจะกลับ!”
            “ห๊ะ! แก่แดด มาขอผู้ชายคบ..”
            “อะไรอ่า ก็บอกชอบแล้ว ก็คบได้แล้วดิ เนี่ยมาอยู่ตั้งครึ่งเดือนแล้ว คนอื่นเขาคงคิดว่านายซุกเมียไว้ในบ้านแน่ๆ” พูดไปก็อมยิ้มเขินๆไปด้วย
            “ใครเขาพูด รู้จักชาวบ้านแถวนี้รึไง อย่ามาเพ้อ!”
            “อ้าว แล้วที่เราอยู่ทุกวันนี้นี่ไม่ใช่แฟนกันหรอกเหรอ”
            “แฟน? เหอะ! คนอย่างฉันไม่เอาผู้ชายที่ทำอะไรไม่เป็น บ้าสีชมพู แล้วก็ยังชอบตื๊อจนน่ารำคาญแบบนี้มาเป็นแฟนหรอก”
            เซฮุนพูดออกไปอย่างหัวเสียกับคำพูดที่คิดเองเออเองของยัยคุณหนูโลกแตกนี่ อยู่กันมาตั้งครึ่งเดือนเนื้อตัวนี่แทบจะไม่ได้แตะต้องกันเลยด้วยซ้ำ ขนาดตอนนอนเซฮุนยังต้องเสียสละฟูกเก่าๆนั่นให้ลู่หานนอนแล้วตัวเองต้องนอนพื้นแข็งๆนี่แทนเลย
            ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชายบอบบาง ฉันไม่ยอมพลีชีพฟูกนั้นให้นายหรอก
            “น่าเศร้าใจ ก็ได้ๆ ถ้าไม่ใช่แฟนงั้น..ฉันกลับก็ได้”
            ลู่หานทำหน้าเศร้าก่อนจะจิ้มเนื้อในจานเล่นอย่างน้อยใจ พอบอกว่าจะกลับบ้านขึ้นมาไม่เห็นว่าเซฮุนจะร้องห้ามเขาบ้างเลย ทำไมกันนี่อยู่ด้วยกันตั้งครึ่งเดือนนายไม่รู้สึกอะไรกับฉันเลยเหรอ
            แล้วทำไมต้องเป็นฉันคนเดียวล่ะ ที่รู้สึกชอบนายซะเอง
            “คืนนี้ก็เก็บของไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”
            “จริงเหรอ!”
            จากตอนแรกที่ลู่หานถอดใจแล้วว่าเซฮุนคงจะรำคาญเขาจริงๆ แต่พอร่างสูงพูดออกมาว่าจะไปส่งเขาเท่านั้นแหละ ร่างเล็กก็มีท่าทางที่ตื่นเต้นจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่
            ถ้าไปส่งแบบนี้ น้องลู่ว่าคงจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการตอบแทนความมีน้ำใจที่อุปการะเลี้ยงตัวเขาบ้างแล้วแหละ
            “ยิ้มอะไร กินๆไปเลย” เซฮุนต่อว่าร่างบางที่เอาแต่นั่งยิ้มฝันหวานอยู่คนเดียว

            วันต่อมา เซฮุนพาลู่หานมาส่งที่คฤหาสน์หลังใหญ่โตตามที่ได้สัญญาเอาไว้ สิ่งแรกเมื่อร่างสูงมาเห็นคือรั้วบ้านที่ตั้งตระหง่านสูงสุดหัวอยู่ตรงหน้า แต่มันก็ไม่น่าตกใจเท่าลู่หานบอกว่ามันทำมาจากทองคำแท้ทั้งหมด
            “บ้านก็ใหญ่ ไม่รู้จะหนีออกมาทำไม” เซฮุนบ่นพึมพำออกมาเมื่อเห็นท่าทีที่ร่างเล็กเอาแต่กล้าๆกลัวๆไม่กล้าที่จะกดกริ่งตรงหน้าบ้านเพราะว่ายังไม่พร้อมที่จะเข้าไปข้างในตอนนี้
            “เดี๋ยวนายเห็นพวกพี่ๆของฉันแล้วนายจะเข้าใจ” ลู่หานพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะจิ้มนิ้วลงไปบนกริ่งที่ดูหรูหราตรงหน้าทันที
            “ฉันกลับแล้วนะ..”
            เซฮุนเอามือจุกกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเตรียมหมุนตัวเดินกลับ เมื่อหมดหน้าที่หมดภาระทุกอย่างแล้วมันก็ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องลาจากกัน
            ถามว่ายังผูกพันกับยัยคุณหนูปัญญาอ่อนนี่อยู่ไหม ตอบเลยว่าไม่ ไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรเลยตั้งแต่วันแรกจนถึงวินาทีนี้
           
            “นี่ๆ ไหนๆก็มาแล้วก็เข้าไปในบ้านก่อนสิ
            ลู่หานที่เห็นว่าเซฮุนกำลังจะเดินหนีเขาไปแล้วเลยรีบวิ่งเข้ามาคล้องแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักสุดเท่ห์นั่นเอาไว้แน่นก่อนจะลากกลับมายืนตรงประตูรั้วดังเดิม
            “ไม่เอา จะกลับแล้ว” เซฮุนทำหน้าหงุดหงิดพยายามสลัดแขนออกจากตัวลู่หานที่เกาะหนึบนั่นซะ
            “ไม่เอา เข้าไปในบ้านก่อน” ลู่หานก็ใช่ย่อยดื้อรั้นไม่แพ้กัน
            “คุณหนูลู่! “
            เสียงสาวใช้วัยกลางคนตะโกนออกมาด้วยความดีใจเมื่อยามที่รั้วบ้านเปิดออกมาปรากฏให้เห็นเป็นคุณหนูที่แสนสวยที่หายตัวไปร่วมครึ่งเดือน มายืนอยู่ตรงหน้านี่จริงๆ คุณหนูลู่กลับมาแล้ว
            “คุณหนูหายไปไหนมา รู้ไหมคะว่าคนทั้งบ้านเขาเป็นห่วงคุณหนูมาก”
            ป้าสาวใช้ร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ ก่อนจะเดินเข้าไปจับมือคุณหนูข้างที่ไม่ได้เกาะแขนเซฮุนอยู่เอาไว้ ร่ำไห้อย่างสุดซึ้งในที่สุดคุณหนูเล็กของบ้านก็กลับมาแล้ว
            “หายไปอยู่กับแฟนมา นี่ป้าดูสิ แฟนหนูกล้ามเป็นมัดๆเลยน้า”
            หัวทุยๆของลู่หานแนบซบลงไปที่ต้นแขนเปลือยเปล่าของเซฮุนเพราะวันนี้ร่างสูงใส่แค่เสื้อกล้ามสีดำมา แก้มนิ่มๆถูไซ้ไปตามต้นแขนนั้นอย่างหลงใหล ออกปากเต็มที่ว่านี่คือแฟนเขา
            “เล่นบ้าอะไรของนายเนี่ย!” เซฮุนหันมาดุลู่หานพลางดึงแขนออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ
            “ค...คุณหนู พูดจริงเหรอคะ เอ่อ ผู้ชายแบบนี้”
            ป้าแม่บ้านมองการแต่งตัวกับรอยสักบนแขนของเซฮุนก็รู้สึกไม่ชอบเอาซะเลย นี่มันนักเลงแถวไหนแล้วทำไมคุณหนูของป้าต้องเอาคนแบบนี้มาเป็นแฟนด้วย ทั้งๆที่หน้าตาอย่างคุณหนูนี่สามารถคว้าพวกผู้ดีมีตระกูลมาเป็นแฟนได้อย่างสบายๆเลย
            “อย่ามองแฟนของหนูแบบนี้นะ แฟนหนูออกจะหล่อ” มือบางลูบไล้กล้ามแขนของเซฮุนไปมาด้วยความหวงแหน
            ร่างบางพาเซฮุนเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยความไม่เต็มใจเป็นอย่างมากของร่างสูง ส่วนคนตัวเล็กนี่ก็ขืนให้เดินเข้ามาด้วยกันจนได้
            “ลู่หานน!”
            อี้ชิงที่เห็นว่าน้องชายที่หายไปเกือบเดือนเดินกลับเข้ามาในบ้านก็รีบวิ่งเข้าไปโผกอดน้องรักด้วยความคิดถึง โดยที่ลู่หานก็ยอมปล่อยแขนของเซฮุนออกแล้วกอดพี่อี้ชิงตอบเช่นกัน
            “ไปไหนมา พี่ตามหาเราแทบแย่ พี่กับพี่คริสเป็นห่วงเรามากนะรู้ไหม
            น้ำเสียงสั่นเครือเพราะความดีใจของอี้ชิงอย่างปิดไว้ไม่อยู่ ร่างบางลูบหัวน้องชายของตัวเองที่อยู่ในสภาพที่แปลกไปเพราะไม่ค่อยได้ดูแลตนเองสักเท่าไหร่
            ซึ่งในขณะนั้นเองร่างเล็กอีกคนอย่างซูโฮที่เดินลงมาจากชั้นบนเมื่อเห็นว่าลู่หานกลับมาแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
            “ลู่หาน! “ ซูโฮดึงร่างน้องชายของตัวเองเข้ามากอดโดยไว
            “พี่จุน น้องลู่ขอโทษ ที่น้องลู่ดื้อ”  
            “แล้วนี่ไปอยู่กับใคร..แล้วผู้ชายคนนี้ใคร
            ซูโฮผละออกมาจากการกอดลู่หานก่อนจะจ้องมองร่างสูงอีกคนที่ยืนรออยู่อย่างเซ็งๆ สายตาที่ดูเฉียบคมของพี่คนโตกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
            กางเกงยีนส์ขาดๆ เสื้อกล้ามเก่าๆ ผมเผ้าก็ดูโลโซ ผู้ชายคนนี้น่ะเหรอที่อยู่กับลู่หานมาโดยตลอด
            “แฟนน้องลู่ลู่หานฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะดึงรั้งให้เซฮุนเข้ามายืนติดๆกัน
            “ห๊ะ! ว่าไงนะ แฟน..น้องลู่” อี้ชิงเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
            “อ่าฮะ! คบกันมาครึ่งเดือนแล้วด้วย”
            “นี่ไปคว้าพวกขี้ยาแถวไหนมา ทำไมทำตัวแบบนี้แล้วดูสิเสื้อผ้าก็ดูไม่ได้ แล้วไหนจะรอยสักบนแขนนั่นอีก”
            ซูโฮเอ่ยต่อว่าติเตียนร่างสูงที่น้องชายตัวเองบอกว่าเป็นแฟน ดูจากโครงหน้าแล้วก็โอเค แต่ถ้าจะให้มองการแต่งกายแล้วมันช่างไม่เหมาะสมกับคนอย่างลู่หานเอาซะเลย
            “ผมไม่ใช่ขี้ยา อย่ามาดูถูกกันแบบนี้
            ร่างสูงที่ทนฟังคำดูถูกของผู้ชายตัวขาวๆตรงหน้าไม่ได้จึงรีบเอ่ยตอบโต้ทันที
            “พี่จุนทำแฟนน้องลู่โกรธแล้วนะ!”
            “ก็มันจริงไหมล่ะ แล้วนี่หายไปอยู่ด้วยกันตั้งครึ่งเดือน นายทำอะไรลู่หานรึเปล่า!”
            ซูโฮยังคงต่อว่าเซฮุนไม่ขาดปากจนร่างสูงกำหมัดแน่น แค่รอเวลาให้ฟิวส์ขาดเท่านั้น
            “ใช่! น้องลู่เสียตัวให้พี่ฮุนแล้ว เข้าใจนะ พี่ชิงมีสามีได้ น้องลู่ก็ต้องมีได้ มีแต่พี่จุนนั่นแหละอยู่ขึ้นคานไปคนเดียวเถอะ ชิ!” ลู่หานสะบัดหน้าใส่พี่จุนเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
            “พูดเรื่องบ้าอะไรของนายเนี่ยเซฮุนเอ่ยต่อว่าลู่หานทันที
            “อ้าว ก็นอนด้วยกันทุกคืน เค้าไม่ได้เรียกว่าสามีภรรยากันหรอกหรอ ดูอย่างพี่ชิงกับพี่ฟานสิลู่ก็เห็นเขานอนด้วยกันทุกคืน พี่ชิงก็ร้องเสียงดังด้วย ไม่รู้ว่าร้องอะไร”
            ลู่หานเอ่ยตอบด้วยความใสซื่อโดยที่ไม่ได้มองเลยว่าพี่ชายคนรองที่ถูกพาดพิงถึงนั่นจะเขินอายมากแค่ไหน ก่อนที่ลู่หานจะทำท่าจะลากเซฮุนขึ้นไปบนห้อง
            “นี่จะไปไหนกันซูโฮรีบเอ่ยท้วงทั้งคู่ทันทีเมื่อเห็นว่ากำลังจะพากันเดินขึ้นไปชั้นบน
            “เอ้า! ก็สามีภรรยาจะไปสานต่อกันบนห้องไง ผิดเหรอน้องลู่โตแล้วนะ โอเคนะพี่จุน”
            ลู่หานไม่สนใจคำด่าของซูโฮอีก แล้วรีบลากเซฮุนขึ้นมาบนห้องของตนเองทันที

            บนห้องนอนสีชมพูกับตุ๊กตาบาร์บี้ feat. คิตตี้ของคุณหนูลู่
            “เซฮุน คืนนี้นอนห้องนี้นะ นอนกับฉัน”
            ลู่หานวิ่งไปหยิบสลิปเปอร์คิตตี้อันใหม่ในตู้เสื้อผ้ามาให้ร่างสูงที่ยืนอึ้งอยู่บนพรมเช็ดเท้าสีชมพูของลู่หาน
            “ไม่
            “นะๆ ลบคำสบประมาทไง ทำให้เขารู้ไปเลยว่าห้องเราเสียงดังกว่า”
            “เพื่อ?” เซฮุนทำหน้างงๆก่อนจะชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
            “ใช่แล้วว ฉันมีความฝันนะ มานั่งนี่มาๆ จะเล่าๆ”
            ลู่หานลากคนที่ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าประตูเข้ามานั่งบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ลายบาร์บี้สีชมพูกลางห้อง ก่อนที่ร่างเล็กจะขึ้นไปนั่งขัดสมาธิที่กลางเตียง โดยมีร่างสูงนั่งลงที่ปลายเตียงหันมามองลู่หานด้วยสีหน้าที่ดูสะอิดสะเอียนกับโลกสีชมพูในห้องนี้
            ยิ่งมองก็ยิ่งอยากจะอ้วก อยู่ไปได้ยังไงวะ?

            “ฉันน่ะ อยากเป็นภรรยา อ๊ะ! ไม่สิมันสุภาพไปสำหรับแบดบอยอย่างนาย เอาใหม่ๆ ฉันน่ะมีความฝันว่าอยากจะเป็นเมียนายตั้งแต่แรกพบสบตา ฉันฝันเอาไว้เลยนะ ว่าสักวันนึงฉันจะเอาสินสอดทั้งหมดห้าพันล้านวอนในส่วนที่ฉันได้ในมรดกน่ะ ไปสู่ขอนายถึงฐานทัพรังหนูนั่นเลยนะ หลังจากนั้นเราก็จะได้เป็นผัวเมียกันอย่างสมบูรณ์แบบไง
            ร่างสูงถึงกับตาค้างหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวสยองขวัญของยัยคุณหนูจอมเพ้อนั่นจบ
            อะไรคือการเอาเงินห้าพันล้านมาสู่ขอ..เรา
            “แล้วนายไปพูดว่านายเป็นเมียฉันตอนที่อยู่ข้างล่างน่ะ ฉันเสียหายรู้ไหม”
            “อ้าว เป็นไม่ได้เหรอ ก็เรานอนด้วยกันทุกคืนเขาไม่เรียกว่าผัวเมียแล้วมันต้องทำยังไงอะเขาถึงจะเรียกแบบนี้ได้” ลู่หานเอ่ยถามออกมาเพราะความไม่รู้จริงๆ ไม่ได้แกล้งด้วย
            “สาบานเถอะว่าเรียนอยู่มหาลัย ฉันนึกว่าเด็กสามขวบ คนจะเป็นผัวเมียกันเขาต้องมีอะไรกัน เข้าใจไหมยัยคุณหนูจอมเพ้อ
            “หืมม ไอ้ที่แบบในหนังโป๊ญี่ปุ่นป่ะ ที่มันมีแซ่ เทียน หรือไม่อะไรนะ....เซ็กส์ทอยอะ”
            ลู่หานทำหน้าคิดตามไปด้วยพูดไปด้วย จนเซฮุนถึงกับหน้าเหวอเป็นครั้งที่สอง นี่ขนาดไม่รู้จักคำว่ามีอะไรกันนะ แต่แม่งรู้จักกับคำว่าเซ็กส์ทอย ให้ตายเถอะนี่นายเป็นคนประเภทไหนกันแน่เนี่ยลู่หาน
            “ฉันมีอะไรให้นายดูด้วยแหละ...” พูดจบลู่หานก็วิ่งดุ๊กดิ๊กๆลงจากเตียงไปเปิดลิ้นชักใต้ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่นั่นก่อนจะวิ่งกลับขึ้นมาบนเตียง พร้อมกับของในมือ
            “นี่ไง! เซ็กส์ทอย ลิมิเต็ตอิดิชั่นจากบริษัท คิตตี้แจแปน จำกัด“
            “เห้ย!” ร่างสูงถึงกับสตั๊นไปชั่วขณะ เมื่ออยู่ๆลู่หานก็วางเรียงรายของเล่นพวกนั้นต่อหน้าเขา
            “อย่างงดิ สั่งมาเฉยๆ ใช้ไม่เป็นหรอก นึกว่าเป็นชุดของเล่นคอลเลคชั่นใหม่ สั่งมางั้นแหละ”
            ลู่หานก้มหน้ามองของที่อยู่บนเตียงอย่างเศร้าใจ เพราะเขาใช้ไม่เป็นจริงๆไอ้ภาษาญี่ปุ่นนั่นก็อ่านไม่ออก
            “นี่นายใสใสจริงรึเปล่าเนี่ย ล...ลู่หาน” เซฮุนงง งงมาก งงขนาดที่ยังอ้าปากค้างให้คนที่อยู่ร่วมห้องกับเขามาโดยตลอด เด็กบ้าอะไรวะ มีเซ็กส์ทอยเยอะกว่าแผ่นหนังโป๊ในห้องเราอีก
            “มันเอาไว้ใช้กับใคร?”
            “ใช้..เวลา..มีอะไรกัน..”
            “งั้น..นายสอนวิธีใช้แต่ละชนิดให้ฉันดูหน่อยนะ โอเซฮุน!”
            “นี่! ยัยคุณหนูบาร์บี้ พี่ชายนายก็อยู่เต็มบ้าน ยังจะมาพูดจาแบบนี้อีก นี่ฉันชักจะไม่แน่ใจแล้วนะว่านายเกิดมาในตระกูลของพวกผู้ดีจริงๆน่ะ”
            เซฮุนไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองจริงๆ วันแรกที่เขาเจอลู่หานทำไมเขากลับมองว่าคนร่างบางนี่เป็นเด็กน้อยที่ใสซื่อไปได้นะ แต่พอมาวันนี้ที่ไหนได้ นี่มันเด็กลามกชัดๆ
            ทางด้านลู่หานที่เมื่อเห็นว่าร่างสูงไม่คิดที่จะเล่นด้วยกับเขาเลยทำเป็นเดินกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้าสีชมพูลายคิตตี้เล่นแทน มันก็แค่อาการงอนที่เซฮุนไม่รู้ก็เท่านั้น
            “ขอเข้าห้องน้ำนะ...”
            ร่างสูงตะโกนบอกอีกคนที่ยืนหันหลังให้อยู่ก่อนจะขอตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในห้องของลู่หาน ร่างบางที่ได้ยินเสียงอีกคนขออนุญาตก็พยักหน้ากลับไป
            และเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำแล้ว ลู่หานก็วิ่งกลับมานั่งบนเตียงทันที
            “ถ้าไม่สอน...ฉันทำเองก็ได้”
            ลู่หานยกอุปกรณ์ในมือขึ้นมา ถ้าลู่หานมองไม่ผิดตอนอ่านฉลากข้างกล่องที่ใส่มามันเขียนว่าดิลโด้...ดิลโด้สีชมพูเรืองแสงได้ยามค่ำคืน..

            เมื่อคิดได้ดังนั้น ลู่หานก็จับหมอนใบใหญ่ตั้งพิงกับหัวเตียงเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนตัวไปนั่งพิงกับหมอนใบนั้น แล้วค่อยๆจับเข้าไปที่กางเกงยางยืดของตัวเองที่กำลังใส่อยู่
            มือน้อยๆ ค่อยๆรูดเจ้ากางเกงตัวนั้นลงไปจนถึงข้อเท้าเล็ก ก่อนที่ขาเรียวจะค่อยๆอ้าออกช้าๆ เผยให้เห็นเป็นส่วนอ่อนไหวภายใต้กางเกงในสีดำของลู่หานทันที
            “นูนจัง....” มือบางลูบคลำตรงส่วนที่นูนขึ้นมาของตัวเอง
            หลับตาพริ้มจินตนาการไปถึงใบหน้าของคนที่อยู่ในห้องน้ำไปด้วย
            เสียงกดชักโครกดังออกมาจากด้านใน ในขณะเดียวกันที่มือบางก็สอดเข้าไปในกางเกงชั้นในของตัวเองก่อนจะควักแกนกายขนาดไม่ใหญ่มากของตัวเองออกมา
            “เมื่อไหร่เซฮุนจะออกมาสักทีนะ....” พูดบ่นไปเรื่อยๆ มือก็รูดส่วนนั้นของตัวเองเพื่อรอเวลา ให้ร่างสูงที่เข้าห้องน้ำอยู่ออกมาสักที
            เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นมา ร่างสูงที่ก้มหน้าเดินออกมาไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่ามีใครกำลังทำอะไรอยู่บนเตียง สักพักเมื่อขายาวก้าวพ้นจากประตูห้องน้ำได้เพียงไม่กี่ก้าว เสียงครางกระเส่าก็เริ่มดังขึ้น...
            “อ๊า...อื้ออ..อ่า”
            “เห้ย!”
            จังหวะนั้นเองเมื่อใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าเป็นร่างของลู่หานที่นอนเปลือยล่อนจ้อนอยู่บนเตียง มือบางก็กำลังสาวส่วนนั้นที่อยู่ตรงหว่างขาไม่หยุดหย่อน
            ใบหน้าที่แดงก่ำทำให้ร่างสูงรับรู้ได้ทันทีว่าอีกไม่นานลู่หานจะต้องปลดปล่อยออกมาเป็นแน่
            “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” เซฮุนร้องด่าเสียงแข็ง เมื่อร่างเล็กเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง
            “อ๊าส์!...” ลู่หานหันหน้ามาหาเซฮุนเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่างแต่ทว่าความเสียวที่ก่อตัวขึ้นมามากขึ้นทำให้ร่างบางเลือกที่จะปลดปล่อยมันออกมาก่อนจนเต็มมือ
            “โธ่เว้ย!” มือหนายกขึ้นขยี้หัวของตัวเองอย่างอารมณ์เสีย
            ไม่ใช่อะไรนะ ถ้าเกิดว่าเสียงร้องของนายมันดังจนพี่นายได้ยินมาเขาจะหาว่าฉันข่มขืนนายน่ะสิ แล้วก็อีกอย่าง นายรู้ไหมว่าเสียงร้องครางของนายมัน...
            ทำให้ฉันมีอารมณ์ร่วมไปด้วยน่ะ.....
            “เซฮุน..แฮ่ก” เสียงหอบหายใจถี่ๆของร่างบางดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
            “ถ้าเสร็จแล้วก็เข้าไปล้างตัวในห้องน้ำซะ....ฉันจะกลับบ้าน” พูดเพียงแค่นั้นร่างสูงก็เตรียมที่จะหมุนตัวออกจากห้องทันที 
            ลู่หานที่ยังไม่หายเหนื่อยก็รีบวิ่งลงมาจากเตียงทั้งสภาพที่เปลือยเปล่าแบบนั้น ก่อนจะรีบสวมกอดเข้าที่แผ่นหลังของอีกคนทันที
            “ยะ...อย่าไปนะ อย่าทิ้งฉันไปนะ” แก้มบางซบลงที่แผ่นหลังของอีกคนก่อนจะใช้วงแขนรัดร่างของเซฮุนเอาไว้แน่น
            แต่ทว่ายิ่งรัดแน่นมากที่เท่าไหร่ ส่วนล่างของลู่หานก็ยิ่งเสียดสีที่ตัวของเซฮุนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
            “นายก็รู้นะว่าฉันเป็นผู้ชาย มีความรู้สึก แล้วนายก็คงจะรู้ใช่ไหมว่าฉันคงจะทนนายได้ไม่นานหรอก...ลู่หาน”
            สิ้นสุดคำพูด ร่างสูงก็หันกลับมาคว้าร่างของลู่หานขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนของตัวเองทันที ก่อนที่เซฮุนจะเริ่มก้าวเดินเข้าไปยังเตียงนอนสีชมพูที่เขาแสนจะเกลียดนักเกลียดหนา ค่อยๆวางร่างบางลง แล้วใช้มือจับเข้าที่ต้นขาของลู่หานให้แยกออกจากกันทันที
            “อย่าร้องนะ...”
            “นายยอมมีอะไรกับฉันแล้วใช่ไหม?” เสียงพูดของลู่หานแสดงออกถึงความดีใจเมื่อเห็นร่างสูงยืดตัวขึ้นถอดเข็มขัดของตัวเองออกก่อนจะตามมาด้วยกระดุมกางเกงของเขาทันที
            “อื้อ! อย่าเอาไปบอกใครก็แล้วกัน แล้วก็อย่าร้อง ถ้าร้องฉันจะหยุด”
            ร่างสูงพูดอย่างไม่ใส่ใจทั้งที่ข้างในมันเริ่มร้อนรุ่มขึ้นมาบ้างแล้ว เกิดเป็นผู้ชายทั้งทีใครเล่าจะอดใจไหว ที่อยู่ๆก็มีผู้ชายร่างบางตัวขาวๆมาแก้ผ้าต่อหน้าแบบนี้
            เขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนอะไรหรอกนะที่มีของดีมาถวายถึงที่แล้วจะไม่คิดอกุศลด้วยน่ะ....
            “มีเจลไหม?” เมื่อเซฮุนถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วร่างสูงก็หันมาถามอีกคนที่นอนรออยู่ทันที
            “จ..เจล? แป๊บนึงนะ” ร่างบางทำท่าทางตื่นเต้นจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ก่อนจะรีบก้าวลงจากเตียงทันที แต่ทว่าร่างสูงกลับร้องเรียกเอาไว้ซะก่อน
            “ดะ...เดี๋ยว คลุมผ้าไปด้วย” เซฮุนถลกผ้าห่มผืนใหญ่บนเตียงก่อนจะส่งให้ร่างบางที่ยืนรออยู่ให้พันที่เอวเอาไว้ ถึงจะแค่วิ่งไปหยิบแป๊บเดียว แต่มันก็รู้สึกแปลกๆที่เขาต้องนั่งมองร่างบางเปลือยเปล่านั่นตลอดเวลา
            ลู่หานจัดการพันผ้าห่มรอบๆตัวจนเหมือนตัวดักแด้สีชมพูก่อนจะวิ่งกลับไปที่ลิ้นชักในห้องเพื่อค้นหาสิ่งที่เซฮุนต้องการ เมื่อเจอแล้วร่างบางก็รีบวิ่งกลับมาหาเซฮุนทันที
            “อะ!”
            ขวดทรงกระบอกสีชมพูที่มีฝาปิดเป็นหัวคิตตี้ตัวโตๆถูกส่งมาตรงหน้าของเซฮุน มือหนายื่นออกไปรับเอาไว้ด้วยสีหน้าที่ดูแขยงเจ้าคิตตี้บ้านี่เต็มทน แต่ทำไงได้ ก็มันต้องใช้นี่หว่า
            “ถ้าใช้ดิลโด้นายจะรับไหวไหม?” หลังจากที่ลู่หานวิ่งขึ้นไปนอนคอยเซฮุนอยู่ตรงที่เดิมแล้ว ร่างสูงก็หยิบเอาอุปกรณ์อย่างแรกขึ้นมาก่อนจะมองไปที่หน้าของร่างบางที่แดงเถือกเพราะอาการอายก่อนจะถามความสมัครใจของอีกคนก่อนทันที
            “ม...มันใหญ่หรอ”
            “อื้อ แต่ไม่เท่าของฉันหรอก” พูดเพียงแค่นั้นเซฮุนก็วางเจ้าดุ้นยาวๆนั้นลงข้างๆก่อนจะขยับตัวขึ้นไปเท้าแขนคร่อมร่างบางเอาไว้ทันที
            “เสียวหน่อยนะ....” เมื่อร่างสูงพูดบอกออกมาแบบนั้น ร่างบางที่เชื่อฟังทุกอย่างก็พยักหน้าขึ้นลงทันที ถึงแม้ว่าจะกลัวแต่มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเอาไงเอากัน
            สองสายตาที่จ้องมองกันอยู่เนิ่นนานจนใบหน้าคมค่อยๆเคลื่อนลงไปหาอีกคนช้าๆ ค่อยแตะสัมผัสกลีบปากบางซึ่งกันและกัน บรรจงจูบลงไปอย่างนุ่มนวลผิดกับลักษณะนิสัยของเซฮุนโดยสิ้นเชิง
            “อื้มม..” เสียงดูดปากของทั้งคู่ดังเคล้าคลึงไปทั่วทั้งห้อง เช่นเดียวกันกับที่มือของร่างสูงก็ค่อยๆเลื่อนเข้าไปบีบเจลใส่ที่มือก่อนจะสอดมันลงไปที่ส่วนหลังของอีกคน ป้ายมันลงที่ช่องทางด้านหลังช้าๆ .... กลิ่นสตรอว์เบอร์รีที่ลอยคละคลุ้งอยู่เต็มห้องยิ่งทำให้รสจูบของลู่หานยิ่งหอมหวานเข้าไปใหญ่
            “อ่า....อื้มม” เซฮุนค่อยๆผละออกมาจากกลีบปากนุ่มก่อนจะแลบลิ้นเลียผิวเนียนตั้งแต่สันกรามลงมายังซอกคอขาว
            ไม่รอให้เสียเวลา มือหนาก็ค่อยๆคลำไปหยิบเอาดิลโด้สีชมพูของลู่หานขึ้นมาถือไว้ สายตาคมก็เหลือบมองลงมาที่มือของตัวเองไปด้วย เล้าโลมร่างบางที่ดิ้นไปมาเพราะความเสียวไปด้วย
            “อ่า...เซฮุนนา” เสียงร้องละเมอของลู่หานทำให้เซฮุนงอดยิ้มไม่ได้ มือหนาก็ยังคอยทำหน้าที่ของมันโดยการจับส่วนหัวของเจ้าดิลโด้ให้เข้าไปจ่อที่ปากทางของช่องทางรักของอีกคน
            ก่อนที่จะค่อยๆออกแรงดันมันเข้าไปช้าๆ กดมันเข้าไปเบาๆ แต่ทว่ามันกลับยากลำบากอยู่พอสมควรเมื่อมันทั้งแน่นขนาดที่ว่าเซฮุนก็ไม่กล้าออกแรงมากเพราะกลัวว่ามันจะฉีก
            “อ๊ะ!...ฮื้อออ” เล็บของลู่หานข่วนไปที่แผ่นหลังขาวๆของเซฮุนเป็นทางยาว ฟันคมก็กัดปากล่างของตัวเองแน่นจ้องมองหน้าเซฮุนด้วยความทรมานอยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ไหว แต่มันก็เข้าไปแล้ว
            “อ้าขาอีก!” เซฮุนลุกขึ้นนั่งก่อนจะจับขาทั้งสองข้างๆของลู่หานให้แหกออกแล้วดันเจ้าอุปกรณ์นั้นเข้าไปจนถึงครึ่งทาง
            “อ่า มันแข็งจะตาย...ผลิตมาแบบนี้แม่งก็เจ็บสิวะ!” เซฮุนสบถใส่เจ้าอุปกรณ์ในมืออย่างหัวเสียเมื่อเขาเห็นว่าเป็นชนิดที่แข็งไม่ใช่นุ่มนิ่มแบบซีลิโคน 
            ให้ตายเถอะ ฉันไม่ใช่พวกซาดิตส์นะ ถึงต้องใช้ของเลเวลขนาดนี้ อีกอย่างนี่มันเป็นครั้งแรกของลู่หาน มีหวังได้เลือดแน่ๆ
            “อ๊ะ! เจ็บๆ...ฮือ” มือบางฟาดลงที่หัวไหล่ของเซฮุนรัวๆเมื่อของเล่นที่อยู่ในมือของเซฮุนเริ่มเข้าไปได้ครึ่งทางแล้ว
            “จะขยับแล้วนะ...” เงยหน้าบอกอีกคน ก่อนจะค่อยๆลองชักเจ้าดิลโด้นั้นออกช้าๆ พร้อมกับขยับมันเข้าไปเบาๆ ทำแบบนี้อยู่สองสามทีจนช่องทางรักเริ่มกลายเป็นสีแดง เสียงร้องของลู่หานฟังแล้วเริ่มจะไม่ไหว ทำให้เซฮุนถึงกับโมโหรีบชักมันออกอย่างรวดเร็วทันทีโดยไม่ทันได้ระวัง ว่าลู่หานจะปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ทัน
            “อ๊า! ซี๊ด!” เสียงร้องลั่นของลู่หานเล่นเอาเซฮุนถึงกับต้องรีบเลื่อนมือขึ้นไปปิดปากอีกคนเอาไว้แทบไม่ทัน
            “อย่าร้องดิ! แม่ง!” ยิ่งเห็นว่าร่างบางเป็นอย่างนี้ เซฮุนก็ยิ่งโมโหเหวี่ยงเจ้าดิลโด้ลงพื้นไปซะก่อนจะเปลี่ยนเป็นประคองแก่นกายของตัวเองมาจ่อที่ช่องทางของลู่หานเอาไว้แทน
            “เซฮุนมันเจ็บนะ ฮือ” เสียงอ่อนหวานของลู่หานที่พูดร้องขอเป็นนัยๆว่าไม่เอาแล้ว มันเจ็บเกินไป เขาไม่อยากรู้แล้ว.....
            “นี่ของฉัน” เงยหน้าบอกอีกคนก่อนจะจัดการยัดมันเข้าไปในร่างของลู่หานทันที
            ร่างบางเมื่อรู้สึกถึงแรงที่เคลื่อนที่เข้ามาของแกนกายขนาดใหญ่ของเซฮุนจนเจ้าตัวก็เอาแต่ร้องครางไม่ได้ศัพท์ แต่ทว่าร่างกายของลู่หานก็ยอมรับส่วนนั้นของอีกคนได้ดีกว่าเจ้าของเล่นบ้าๆนั่นเป็นไหนๆ
            “อ๊ะ อ๊ะ” เสียงร้องครางของลู่หานเริ่มดังขึ้น เมื่อสะโพกสอบเริ่มขยับเข้าออกทันทีเมื่อปลายของส่วนนั้นสอดใส่เข้าไปจนสุด
            ร่างบางร้องออกมาเสียงดังเมื่อเซฮุนจงใจกระแทกแกนกายย้ำๆไปที่จุดกระสันของอีกคนอย่างห้ามไม่อยู่ ในตอนนี้เซฮุนแทบไม่มีสติแล้วรู้แค่ว่าอยากกระแทกร่างบางให้รัวเร็วตามที่ใจต้องการ เพียงแค่นั้นก็สนองอารมณ์ของเขาได้จนหมดแล้ว
            “อ๊ะๆ”

            จนกระทั่งเวลาผ่านไปร่วมๆครึ่งชั่วโมงร่างบางก็ถูกร่างสูงอุ้มมาต่อกันที่โต๊ะทำงานสีชมพูของลู่หานที่มีพวกเครื่องเขียนเซ็ตคิตตี้แลนด์วางเรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด แต่เพราะแรงสั่นสะเทือนของสะโพกที่โยกเข้าหากันทำให้ตอนนี้แม้แต่ดินสอแท่งเล็กแท่งน้อยต่างก็ร่วงตกพื้นไปหมดแล้ว
            “อื้อ”
            “อ่า ลู่หาน อื้อ” เซฮุนซุกใบหน้าลงที่หน้าอกของอีกคนก่อนจะแลบลิ้นเลียยอดอกที่เริ่มเป็นสีแดงขึ้นมาแล้วเพราะฝีมือของเขาเอง
            “อ๊ะ” ร่างบางปลดปล่อยออกมาจนไม่รู้ว่านี่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว รู้แต่ว่าเริ่มหมดแรงก็เลยได้แต่กอดร่างหนาของอีกคนเอาไว้แล้วซุกใบหน้าลงไปที่บ่ากว้างทันที
            “เหนื่อยยัง?” เซฮุนเอ่ยถามอีกคนที่ดูเหมือนว่าจะตัวอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว
            “อื้ออออ” เสียงร้องครางยาวๆทำให้เซฮุนแอบหัวเราะออกมาเบาๆในความน่ารักของอีกคน ร่างสูงจึงยกอุ้มลู่หานขึ้นมาจากโต๊ะ
            เรียวขาขาวของลู่หานก็รีบตวัดรัดเอวของอีกคนอย่างรู้งานเพราะว่ากลัวตกก็เลยต้องรัดเอาไว้แน่น ทั้งที่ส่วนนั้นยังไม่หลุดออกจากกันทำให้เวลาเซฮุนอุ้มเขาเดินไปทางไหน ลู่หานก็มักจะร้องโอดครวญออกมาอยู่ตลอดเวลา
            “จ...จะไปไหน”
            “ประตู....”
            “ห๊ะ อ๊ะ!”
            ไม่ทันที่ร่างบางจะได้ร้องท้วงเซฮุนก็จัดการดันร่างของลู่หานให้ชิดกับประตูสีขาวบ้านใหญ่ของห้อง ก่อนจะยกร่างบางเอาไว้กระแทกกายเข้าไปถี่ๆจนประตูบ้านนั้นเริ่มขยับ
            “อ๊ะ..อ๊ะ..ด...เดี๋ยว..พี่ได้ยินนะ...อื้อ!”
            “ก็ช่างสิ”           
            ทันใดนั้นเองสิ่งที่ร่างบางคิดก็เป็นจริงจนได้เมื่อจู่ๆประตูห้องที่อยู่ทางด้านหลังของเขาก็ถูกเคาะดังขึ้นมาด้วยฝีมือของคนที่อยู่ด้านนอก
            “ลู่หาน พี่เอาข้าวมาให้ พี่ขอเข้าไปนะ”
            เสียงของอี้ชิงดังขึ้นมาใกล้ๆจากเขาเพียงแค่มีประตูกั้นเอาไว้เพียงเท่านั้น ร่างสูงหยุดขยับกายเข้าหาอีกคนทันที ก่อนจะอุ้มลู่หานเอาไว้นิ่งๆเพื่อไม่ให้มีพิรุธ
            “อ๊ะ เซฮุนเอาไงดี พี่ชิงมา” ลู่หานก้มลงมองร่างของเซฮุนที่กำลังยืนอุ้มร่างของเขาเอาไว้
            “อย่าเพิ่งลงนะลู่หาน ฉันยังไม่เสร็จ..”
            “อื้อ!” สิ้นเสียงขอร้องของเซฮุน ร่างสูงก็จัดการกระแทกกายเข้ามาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างสูงจะฉีดน้ำรักสีขาวขุ่นเข้ามาจนมันไหลย้อยลงไปเลอะพื้นกระเบื้องในห้องของลู่หานทันที
            “ทำอะไรกันอยู่น่ะเสียงแปลกๆ สงสัยจะเล่นอะไรกันอยู่แน่เลย”
            อี้ชิงที่ยืนรออยู่ด้านนอกก็ได้แต่สันนิษฐานไปต่างๆนานาโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าน้องชายของตัวเองกำลังเอาอยู่กับผู้ชายอยู่ที่ประตูตรงหน้าของตัวเองแท้ๆ
            “ไม่เอาแล้วนะ...งื้ออ”
            ร่างสูงจัดการอุ้มร่างของลู่หานให้กลับมาพักลงที่เตียงของตัวเองก่อนจะจัดการหยิบผ้าห่มที่โดนกองทิ้งไว้อยู่ที่พื้นขึ้นมาคลุมร่างของลู่หานเอาไว้
            “นอนพักไป เดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน”
            “งือ ถ้าฉันตื่นมา...ฉันต้องเห็นนายนอนอยู่ข้างๆฉันนะ” มือบางยื่นออกมาจากผ้าห่มผืนหนาเพื่อรั้งตัวอีกคนเอาไว้
            “อื้อ อาบน้ำแป๊บเดียว เดี๋ยวออกมาเช็ดตัวให้” เซฮุนพยักหน้าเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินหายวับเข้าไปในห้องน้ำทันที พร้อมกับร่างบางที่จมเข้าสู่ห่วงแห่งนิทราทันที

            หลายวันต่อมาเซฮุนยังคงเกาะ ไม่สิ...ยังอาศัยอยู่ที่บ้านของลู่หานตลอดตั้งแต่วันนั้น แต่ทว่าเขากลับไม่ได้ทำอะไรลู่หานอีกเลย เพราะหลังจากที่ครั้งแรกระหว่างเราในวันนั้นมันทำให้ลู่หานโดนพวกพี่ๆจับได้ด้วยท่าทางที่แปลกไป คือเดินกะเผลก ปวดตัว เมื่อยตัว แล้วไหนจะรอยจ้ำๆเต็มคออีก
            พูดง่ายๆคือพวกพี่ทุกคนกักบริเวณไม่ให้ทั้งสองคนคลาดสายตา ทั้งยังกลัวว่าเซฮุนจะฟันแล้วทิ้ง เลยบังคับให้อยู่ที่นี่มันซะเลยเพื่อตัดปัญหา
            ตลอดระยะเวลาที่ได้ใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ เซฮุนก็ยังเป็นเซฮุนอยู่วันยังค่ำ ไม่เคารพใครทั้งนั้น ถืออภิสิทธิ์เป็นของตัวเองทุกอย่าง จนทุกคนในบ้านเริ่มหมั่นไส้เป็นอย่างมากโดยเฉาะจุนมยอนลูกคุณหนูเจ้าระเบียบ
            “พี่ว่า ถ้านายมาอยู่กินกับลู่หานแบบนี้นานๆมันคงจะไม่เหมาะหรอกนะ” 
            จุนมยอนเอ่ยพูดขึ้นท่ามกลางโต๊ะอาหารในตอนเย็น เล่นเอาทุกคนที่กำลังมีความสุขกับอาหารมื้อนี้อยู่กลับต้องหยุดทานทันทีเมื่อร่างบางเอ่ยพูดประโยคนี้ขึ้นมา
            “ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ก็ในเมื่อเรารักกัน อยู่กินกันเลยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร” ลู่หานที่ไม่พอใจมากถึงกลับต้องรีบเถียงออกมาทันที
            “บ้านทำอะไร? ไหนนายลองบอกฉันมาซิ!” จุนมยอนหันมาถามเซฮุนอีกทีเป็นรอบที่ล้านกว่าแล้วตั้งแต่ที่ร่างสูงเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
            “ไม่รู้...” และนี่ก็เป็นคำตอบเดิมๆที่คนทั้งบ้านได้ยินมาตลอดระยะเวลาที่เซฮุนเข้ามาอยู่ด้วย
            “ฉันบอกนายไว้เลยนะ ว่าถ้านายรักน้องฉันจริงนายก็ต้องเอาเงินมาสู่ขอน้องของฉันอย่างเป็นทางการ”
            “พี่จุน...” อี้ชิงที่นั่งอยู่ข้างๆรีบเอ่ยร้องอ้อนวอนพี่ชายจอมโหดของตัวเองทันที
            “1 พันล้านถ้านายหาเงินจำนวน 1 พันล้านมาสู่ขอน้องของฉันได้ฉันจะยอมรับพวกนายทั้งสองคน และฉันก็จะยอมรับนายในฐานะของน้องเขยของฉันด้วยแต่ก็นะ..น้ำหน้าอย่างนายฉันว่าตายไปสิบชาติก็คงหาเงินมากมายขนาดนี้มาให้ฉันไม่ได้หรอก”
            สีหน้าที่ดูเหยียดหยามดูถูกของจุนมยอนเล่นเอาเซฮุนที่ได้ยินถึงกับโมโหจนแทบจะอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ถึงกับต้องโพล่งปากพูดบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรจะพูดออกไปทันที
            “ได้ พรุ่งนี้เตรียมตัวรับเงิน 1 พันล้านเอาไว้ได้เลย

            กลางดึกคืนนั้น....ในขณะที่ร่างสูงกำลังนั่งพิงกับหัวเตียงเพื่อดูทีวี พร้อมกับร่างบางที่เพิ่งจะตกลงปลงใจคบกันเป็นแฟนเมื่อไม่กี่วันมานี้กำลังนอนหนุนตักเล่นอะไรกุ๊กกิ๊กๆอยู่สักอย่างนึงแต่ในใจก็ยังนึกสงสัยเรื่องเมื่อเย็นนี้อยู่ไม่ใช่น้อย
            “เซฮุน”
            “เรียกฉันว่าพี่สิ ฉันอายุมากกว่านายนะ” เซฮุนเอ่ยดุอีกคนทันที
            “พี่เซฮุน ตกลงว่าพ่อพี่เป็นใครกันแน่ แล้วบ้านพี่ทำอะไร แล้วทำไม..พี่ถึงมีเงินตั้ง 1 พันล้านวอนนั่นด้วย”
            “อย่ารู้เลย” ร่างสูงเลือกที่จะไม่ตอบก่อนจะจ้องมองหน้าจอทีวีต่อไป
            “พี่ฮุน จริงๆแล้วพ่อพี่รวยมากใช่ไหม”
            “เปล่า” เซฮุนตอบออกมานิ่งๆ
            “พี่อย่าโกหกสิ....ฉันรู้นะว่าต้นตระกูลที่แท้จริงของพี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ”
            “รักพี่รึเปล่าล่ะ ถ้ารักแล้วอยากแต่งงานกับพี่ไหม“ เซฮุนก้มหน้าลงไปมองอีกคนที่ยังนอนอยู่บนตักก่อนจะเอ่ยถามความในใจออกไป
            เขาอยากรู้แค่คำๆเดียวเท่านั้นว่าเขาจะยอมเสียเงิน 1 พันล้านเพื่อคนตัวเล็กคนนี้ดีไหม....เพราะถ้ามันเหมาะสมที่จะเสีย เขาก็ต้องเสี่ยงดู
            “ลู่หานรักพี่เซฮุนตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นพี่ฮีโร่คนนั้นช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว”
            “อื้อ”
            “รักมาก....รักแบบไม่เคยรักใครมาก่อน ถึงแม้ว่าพี่จะไม่เลิศเลอเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีของกินแพงๆมาให้ลู่หาน ไม่เคยซื้อเสื้อผ้าดีๆให้ลู่หานใส่สักชิ้น ไม่มีที่นอนหอมๆให้ได้นอน ไม่มีที่พักที่ใหญ่ๆให้ได้อยู่.... แต่ลู่หานก็มีความสุขที่วันนี้ได้มานอนอยู่ข้างๆพี่นะ......ลู่หานรักเซฮุนนะ”
            “อืม รู้แล้ว”

            เช้าวันต่อมา ..... รถยนต์คันหรูนับสิบคันแล่นเข้ามาจอดเรียงกันอยู่ที่หน้าคฤหาสน์สุดหรูของตระกูลคิม ชายชุดดำนับสิบเดินลงจากรถก่อนจะอ้อมมาเปิดประตูเพื่อให้เจ้านายได้เดินลงมาจากรถทันที
            “พี่จุนนั่นใครน่ะ ทำไมแลดูมีอิทธิพลจัง” อี้ชิงที่เดินออกมาดูแขกผู้มาเยือน พร้อมกับจุนมยอนเจ้าของบ้านก็ยังตกใจอยู่ไม่ใช่น้อย
            “พ่อ....” ทันใดนั้นเองร่างสูงของเซฮุนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนก็รีบวิ่งเข้ามาหาชายสูงวัยที่ยืนอยู่ข้างๆรถยนต์ทันที
            “ม...หมายความว่าไง” จุนมยอนยืนมองผู้มาใหม่กับน้องเขย(อย่างไม่เป็นทางการ)กำลังยืนกอดกันด้วยความไม่เข้าใจ นี่มันอะไรกัน
            “ไหน คนไหนลูกสะใภ้พ่อ” คนที่แทนตัวเองว่าพ่อหันไปมองทางด้านหลังของเซฮุนที่มีร่างน้อยๆกำลังเดินเข้ามาหาพอดี
            “อื้ม น่ารักดีนะ ดีๆ แล้วนี่จะไม่เชิญฉันเข้าไปบ้านเลยรึไง”
            คนเป็นพ่อหันมาถามร่างบางผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างจุนมยอนที่ยังอึ้งๆงงๆอยู่ ก่อนที่จุนมยอนจะผายมือเชื้อเชิญคนตรงหน้าให้เข้าไปในบ้านอย่างงงๆ
            เมื่อเข้ามาถึงภายในห้องรับแขกที่ปกคลุมไปด้วยความรู้สึกที่อึดอัดทันที
            “ฉันจะไม่อ้อมค้อมละนะ ฉัน..นายพลโอเซโฮ เป็นพ่อของโอเซฮุนจะมาสู่ขอลูกชายของบ้านนี้ ที่ชื่อ....คุณหนูลู่หานใช่ไหม”
            ชายชราเอ่ยแนะนำตัวเองก่อนที่ประโยคสุดท้ายจะหันไปมองว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเองที่นั่งอยู่ข้างๆกับลูกชายพอดี
            “น...นายพล...ม...หมายความว่า” เสียงจุนมยอนที่ยังคงไม่เชื่อกับตาว่าคนๆนี้คือท่านนายพลจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีลูกชายที่เหมือนเป็นอันธพาลแบบนี้ด้วย
            “เอาล่ะ ฉันขอคุยกับผู้ใหญ่ของบ้านนี้หน่อยได้ไหม?”
            “ผ..ผม จุนมยอนเป็นพี่ชายคนโตของครอบครัวครับ”
            “อื้ม เซฮุนพาน้องออกไปข้างนอกก่อน เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
            หลังจากที่ได้ยินคนเป็นพ่อพูดออกมาแบบนั้น ร่างสูงก็จูงร่างบางอย่างลู่หานให้ออกมานั่งเล่นรอที่ส่วนหย่อมหน้าบ้านทันที ทิ้งให้พวกผู้ใหญ่เขาตกลงเรื่องพวกนั้นกันไปก่อน
            “พี่ฮุน นี่พี่เป็นลูกนายพลจริงๆเหรอ” เมื่อนั่งลงบนม้านั่งได้ลู่หานก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยปากถามทันที
            “อื้ม พ่อพี่เป็นนายทหารเก่าตอนนี้ปลดเกษียณแล้ว”
            “งั้น...พี่ก็รวยมากใช่ไหม?”
            “คงงั้น แต่ไม่เท่านายหรอก”
            ใครบอกล่ะ บ้านของเซฮุนรวยกว่าบ้านลู่หานเกือบสองเท่า ทรัพย์สินเก่าแก่ของบ้านเซฮุนที่ตกมาจากรุ่นปู่รุ่นย่าของเขาชาตินี้ก็ยังใช้ไม่หมดเลย
            “แล้วพี่ออกมาอยู่คนเดียวทำไม?”
            “พี่เป็นเด็กดื้อเลยไม่อยากอยู่เป็นภาระที่บ้าน...ก็เลยออกมาอยู่เอง”
            “งั้นตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาพี่ทำงานอะไร?” ความอยากรู้อยากเห็นของลู่หานทำให้ร่างบางรัวคำถามใส่เซฮุนไม่มีหยุด
            “ออกไปเรียน...”
            “เรียน?”
            “ปริญญาเอก
            “ห๊ะ!” ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งอึ้ง นี่มันอะไรกัน งงไปหมดแล้วนะ
            “ดีใจไหมจะได้มีแฟนเป็นด็อกเตอร์แล้วนะ”
            ร่างสูงเดินเข้ามาวางมือขนาดใหญ่ลูบลงไปที่หัวของลู่หานเบาๆด้วยความเอ็นดูก่อนจะดึงอีกคนเข้ามากอดเอาไว้
            “พี่ฮุน...”
            “ขอบคุณนะที่ไม่เคยรังเกียจคนอย่างพี่...ขอบคุณที่รักพี่ที่จิตใจไม่ใช่ที่รูปลักษณ์ภายนอก ขอบคุณนะ...ลู่หานของพี่”
            “งื้อ....ลู่หานรักพี่นะ”
            “อื้อ รักมากกว่า
                       
- The END –



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น